เนื้อหาในหมวด การเงิน

Rare Earths อำนาจต่อรองใหม่ \

Rare Earths อำนาจต่อรองใหม่ "สหรัฐฯ-จีน" อาจหนุนทองฟื้นตัวทำจุดสูงสุดใหม่

จับตา "สหรัฐฯ-จีน" ยกระดับเกมภาษี-ค่าธรรมเนียมท่าเรือ กดดันห่วงโซ่อุปทานโลก คาดเดิมพันครั้งใหม่ อาจหนุนทองคำฟื้นตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออก ‘แร่หายาก’ ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการทหารของโลกอย่างเข้มงวด ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการขู่ว่า อาจเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่ม 155% เริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ หากการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้

ทั้งนี้ ประเด็นการค้าทั้งหมดจะถูกนำขึ้นสู่โต๊ะเจรจาระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงหลังการประชุม APEC ปลายเดือน ต.ค นี้ โดยทรัมป์ประกาศ 3 เงื่อนไขหลักที่จีนต้องยอมรับ คือ แร่หายาก ถั่วเหลือง และเฟนทานิล ทั้งนี้ หากการเจรจาล้มเหลว จะเป็น ‘ชนวน’ ให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การปะทุของสงครามการค้าด้วยอาวุธทางเศรษฐกิจใหม่

สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยกล่าวว่าอัตราภาษีศุลกากรระดับสูงที่สหรัฐฯ ใช้ตอบโต้จีน ‘ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว’ แต่การกระทำล่าสุดของจีนในการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และการที่จีนนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของความขัดแย้ง โดยเปลี่ยนจาก ‘สงครามภาษี’ ไปสู่ ‘สงครามรูปผสม (Hybrid Warfare)’ ซึ่งจะมีการเจาะลึกเพิ่มเติมหลังจากนี้

ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีนได้ขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาตรการใหม่ที่เริ่มเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กำหนดให้บริษัททั้งในจีนและต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนในการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่หายากของจีน แม้จะมีสัดส่วนเพียง 0.1% ของมูลค่าสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิ้นส่วนแม่เหล็กและวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ ยังห้ามการส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารของต่างประเทศโดยเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่ายอดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงเป็นศูนย์ จากเดิม 1.7 ล้านเมตริกตันในเดือนเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการสั่งซื้อจากบราซิลที่เพิ่มขึ้น 29.9% เป็น 10.96 ล้านตัน และจากอาร์เจนตินาที่พุ่งขึ้น 91.5% เป็น 1.17 ล้านตัน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย HALT Fentanyl Act ซึ่งจัดให้ยาเฟนทานิลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 อย่างถาวร ทำให้การผลิต จำหน่าย ครอบครอง หรือนำเข้า มีโทษร้ายแรงตามกฎหมายอาญาของรัฐบาลกลาง

การควบคุมนี้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนครองอำนาจในการแปรรูปแร่หายาก ประมาณ 85-90% ของโลก และครองอำนาจการส่งออกแร่หายาก ประมาณ 70% ของโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และยุทโธปกรณ์ทางการทหาร อีกทั้งการที่จีนหยุดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ยังเป็นการสร้างความสั่นคลอนให้กับฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน
ของทรัมป์โดยตรง การดำเนินการของจีนถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการเมือง’ เพื่อต่อรองให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมชิปและเทคโนโลยี

3 เงื่อนไขหลักของทรัมป์ และการตอบโต้ของจีน

เพื่อตอบโต้มาตรการของจีน ทรัมป์ได้ขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 155% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาลดภาษีลง หากจีนยอมรับเงื่อนไขหลัก 3 ประการในการเจรจาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. นี้

เงื่อนไขเหล่านั้น ได้แก่

  • แร่หายาก: ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการให้พวกเขาเล่นเกมแร่หายากกับเรา” โดยเรียกร้องให้จีนยกเลิกข้อจำกัดการส่งออก
  • ถั่วเหลือง: เรียกร้องให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณที่ใกล้เคียงกับในอดีต หลังพบว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนได้ลดปริมาณการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ลงเหลือศูนย์ และหันไปพึ่งพาอุปทานจากอเมริกาใต้แทน ซึ่งถือเป็น ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทางเศรษฐกิจ’
  • เฟนทานิล: ต้องการให้จีน ‘หยุดส่งเฟนทานิล’ โดยกล่าวหาว่าจีนล้มเหลวในการควบคุมการส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตยาเสพติดในสหรัฐฯ
  • ตลาดทุนผันผวน: หุ้นร่วง ทองคำพุ่ง

    มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนและการตอบโต้ของสหรัฐฯ ด้วยการขู่ขึ้นภาษี 155% ส่งผลกระทบต่อตลาดโลกอย่างรุนแรง โดยตั้งแต่ที่มีข่าวออกมา มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หายไปกว่า 1.5 ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

    ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า การเจรจาหลังการประชุม APEC ครั้งนี้เป็นเดิมพันที่สูงมาก หากการเจรจาล้มเหลวและไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญเหล่านี้ได้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกจะกลับมาปกคลุมตลาด ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มีโอกาสที่จะทะยานขึ้นอีกครั้ง

    หากมีการฟื้นตัว ยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่าทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 69,100 บาท) ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนทองคำในปีนี้พุ่งทะลุ 70%

    ในทางกลับกัน หากผลการเจรจาออกมาเป็นบวกและมีการบรรลุข้อตกลงบางส่วน อาจทำให้ราคาทองคำปรับฐานลงมา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อบริเวณแนวรับสำคัญที่ 4,000 และ 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่ากับทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 61,900 และ 61,100 บาทตามลำดับ) เนื่องจากตลาดยังคงมีปัจจัยหนุนทองคำในระยะยาว ทั้งประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวและทิศทางดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า

    ราคาทองวันนี้ 25 ต.ค. 68 ครั้งที่ 1 พุ่ง 600 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 64,500 บาท

    ราคาทองวันนี้ 25 ต.ค. 68 ครั้งที่ 1 พุ่ง 600 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 64,500 บาท

    ราคาทองวันนี้ล่าสุด 25 ตุลาคม 2568 เวลา 09:09 น. ราคาทองครั้งที่ 1 เพิ่มขึ้น 600 บาท ทองคำแท่งบาทละ 63,700 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 64,500 บาท

    ราคาทองวันนี้ 24 ต.ค. 68 เปิดขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณขายออก 64,800 บาท

    ราคาทองวันนี้ 24 ต.ค. 68 เปิดขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณขายออก 64,800 บาท

    ราคาทองวันนี้ล่าสุด 24 ตุลาคม 2568 เวลา 09:06 น. ราคาทองครั้งที่ 1 เพิ่มขึ้น 50 บาท ทองคำแท่งบาทละ 64,000 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 64,800 บาท

    ราคาทองวันนี้ 23 ต.ค. 68 ครั้งที่ 1 ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 64,200 บาท

    ราคาทองวันนี้ 23 ต.ค. 68 ครั้งที่ 1 ลดลง 100 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 64,200 บาท

    ราคาทองวันนี้ล่าสุด 23 ตุลาคม 2568 เวลา 09:10 น. ราคาทองครั้งที่ 1 ลดลง 100 บาท ทองคำแท่งบาทละ 63,400 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 64,200 บาท

    ราคาทองวันนี้ 22 ต.ค. 68 เปิดฮวบ ดิ่งโหม่งโลก 2,500 บาท ทองน่าซื้อไหม

    ราคาทองวันนี้ 22 ต.ค. 68 เปิดฮวบ ดิ่งโหม่งโลก 2,500 บาท ทองน่าซื้อไหม

    ราคาทองวันนี้ล่าสุด 22 ตุลาคม 2568 เวลา 09:07 น. ราคาทองครั้งที่ 1 ดิ่ง 2,500 บาท ทองคำแท่งบาทละ 63,750 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 64,550 บาท