แม่เอะใจ ลูกกินยาก แต่อวดกินข้าว รร.อนุบาล 2 ชาม เห็นรูปเมนูจริงๆ ดีใจไม่ออก!
ลูกชายอวด อาหารกลางวันที่โรงเรียนอนุบาลอร่อยมาก กินหมด 2 ชามใหญ่ทุกวัน แม่เห็นเมนูอาหารจริงตกใจมาก
ผู้ปกครองที่มีลูกอายุ 1-5 ปี จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องโภชนาการในแต่ละวันเพราะเป็นช่วงแรกของชีวิต ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ดังนั้น ในการเลือกโรงเรียนอนุบาล อาหารกลางวันของลูกจึงเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับผู้ปกครอง ในการพิจารณาและประเมินว่าควรส่งลูกไปเรียนที่นั้นหรือไม่
เมื่อเร็วๆ นี้ คุณแม่รายหนึ่งเล่าประสบการณ์ในการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกชาย และได้รับความสนใจอย่างมากจากชุมชนผู้ปกครองชาวจีน โดยเธอเล่าถึงความกังวลเรื่องการส่งลูกไปโรงเรียนว่า
“หลังจากที่ลูกไปโรงเรียนอนุบาล ฉันคิดว่าชีวิตจะง่ายขึ้น แต่จริงๆ แล้ว ฉันยังกังวลอยู่มาก ฉันกังวลว่าลูกจะกินอาหารเพียงพอหรือไม่ โดนรังแกในชั้นเรียนหรือเปล่า ถึงจะมีงานของตัวเองที่ต้องทำ แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างฉันก็อดไม่ได้ที่จะเช็คโทรศัพท์เพื่อดูว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างในชั้นเรียน"
ผู้เป็นแม่จะภูมิใจเมื่อลูกชายของเธอเชื่อฟังครูมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจที่สุดคือนิสัยการกินของเด็กชายเพราะทุกครั้งที่อยู่บ้านลูกจะซนมากๆ เอาแต่วิ่งเล่น ไม่ค่อยยอมกินอาหาร ทุกมื้อจะต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายกินข้าวให้เสร็จ
ทุกวันเธอจึงมักจะถามลูกว่ากินข้าวที่โรงเรียนเป็นอย่างไร สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือลูกชายจะตื่นเต้นอยู่เสมอที่ได้อวดอาหารกลางวันแสนอร่อย โดยบอกว่ากินหมดชามใหญ่ 2 ชามทุกวัน ทำให้เธอรู้สึกสับสนและข้องใจ
กระทั่งเห็นภาพที่ครูส่งมา แม่จึงเข้าใจว่าปัญหามาจากไหน ปรากฎว่าอาหารกลางวันที่ลูกชายบรรยายไว้นั้น ไม่เหมือนกับจินตนาการของผู้ปกครองเลย ปริมาณอาหารในแต่ละชามมีน้อยมาก มีเพียงข้าวขาว ผักต้ม และเนื้อทอดน้อยๆ เท่านั้น ครูอธิบายว่าเนื่องจากเด็กๆ ซุกซน และมักทำหก จึงใส่อาหารบนถาดเพียงเล็กน้อยในแต่ละมื้อ หากเด็กอยากกินเพิ่มก็จะตักอาหารเพิ่มให้
หลังจากที่คุณแม่รายนี้โพสต์เรื่องราวของตัวเอง ผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็ได้แชร์ประสบการณ์ในการส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นว่า เป็นการดีที่สุดสำหรับผู้ปกครองที่จะตรวจสอบคุณภาพอาหารเป็นประจำ เพื่อดูว่าลูกรับประทานอาหารในแต่ละวันอย่างไร และมีสารอาหารเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรพูดคุยเชิงรุกกับคุณครู เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของบุตรหลานให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ปกครองไม่ควรเชื่อสิ่งที่ลูกบอกเกี่ยวกับโรงเรียนอย่างเต็ม 100% เพราะในช่วงอายุ 1-5 ขวบ บางครั้งเด็กๆ จะยังไม่สามารถตระหนักถึงปัญหาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรให้ความสนใจและใกล้ชิดกับทั้งบุตรหลานและโรงเรียนเป็นประจำ เพื่อให้รู้ว่าแท้จริงแล้วบุตรหลานใช้เวลาอยู่ในชั้นเรียนอย่างไร