พ่อวัย 65 ไปงานเลี้ยงรุ่น ถูกขำเยาะรายได้น้อย แต่เห็น “ลูกสาว” มารับ รีบกลับคำพูดเอาใจ!
พ่อวัย 65 ไปงานเลี้ยงรุ่นครั้งแรก ถูกเพื่อนๆ หัวเราะเยาะเพราะเงินน้อย แต่เห็น “ลูกสาว” ที่มารับกลับบ้าน รีบกลับคำพูดเอาใจ!
เว็บไซต์ข่าว SOHA รายงานกรณี "คุณคิม" ชายชาวจีนอายุ 65 ปี ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์เข้าร่วม “งานเลี้ยงรุ่น” และทัศนคติของเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ค่อยน่าประทับใจ โดยเจ้าตัวเล่าว่า
เมื่อเดือนที่แล้วเนื่องจากลูกสาวของเขาต้องไปทำธุระ เธอจึงขอให้เขาช่วยเข้ามาในเมืองเพื่อเลี้ยงหลาน ซึ่งเขาถือว่าเป็นโอกาสดีมากๆ สำหรับคุณตาที่ไม่ค่อยได้อยู่กับหลาน อย่างไรก็ดี ระหว่างที่พาหลานออกไปเดินเล่น เขาบังเอิญเจอ “คุณหลี่” เพื่อนสมัยมัธยม พวกเขาจึงนั่งคุยตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันนาน หลังจากนั้นสักพัก จู่ๆ อีกฝ่ายก็ถามว่า “รู้ไหมว่าชั้นเรียนของเรากำลังจะมีการรวมตัวกัน จะไปไหม?”
เขาตัดสินใจทำเป็นไม่รู้ โดยอ้างว่าเนื่องจากยุ่งอยู่กับการดูแลหลาน จึงไม่มีเวลาสนใจโทรศัพท์มือถือเท่าไหร่นัก ทำให้พลาดข้อความในแชทกลุ่มชั้นเรียนไป แม้ว่าแท้จริงเขารับรู้เรื่องนี้แล้ว เพียงแค่ไม่อยากเข้าร่วม อีกทั้งยังไม่ได้เจอทุกคนมานานหลายสิบปีแล้ว เกรงว่าเราลืมกันไปแล้ว แทนที่จะไปงานรวมตัวในชั้นเรียน เขาอยากจะใช้เวลาเล่นกับหลานมากที่สุดมากกว่า
อย่างไรก็ดี คุณหลี่ยังคงพยายามโน้มน้าวให้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่น เมื่อเห็นหลานร้องไห้อยู่ไกลๆ ท้ายที่สุดเขาต้องยอมให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจ และวางแผนจะหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ท้ายที่สุดก่อนวันงานก็ถึงกับถูกวิดีโอคอลมาเตือน และบอกว่าจะขับรถมารับถึงบ้านในพรุ่งนี้
ต่อมา เมื่อลูกสาวของเขากลับมาบ้าน เขาก็เล่าเรื่องที่เพื่อนเก่าโทรชวนไปงานเลี้ยงรุ่นพรุ่งนี้ หลังจากฟังจบลูกก็อุทานว่า “บังเอิญจังเลยพ่อ พรุ่งนี้หนูนัดคุยธุระที่ร้านอาหารเดียวกันด้วย เราไปพร้อมกันได้เลยค่ะ” แต่เขาปฏิเสธเพราะคุณหลี่ตั้งใจจะมารับอยู่แล้ว
ถูกเยอะเย้ยในงานเลี้ยงรุ่นที่ไม่เต็มใจมา
ในวันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาไปถึงงาน พบว่ามีเพื่อนไม่กี่คนที่มาถึงก่อน พวกเราทักทายกันสั้นๆ และทันทีที่นั่งลงก็ถูก "คุณหว่อง" ซึ่งเป็นพ่องานในการรวมตัวครั้งนี้ เตือนให้ “จ่ายเงิน” เป็นอย่างแรก เพื่อไม่ให้สับสนในภายหลังว่าใครจ่ายแล้วหรือยังไม่จ่าย คุณหลี่ควักเงินจ่าย 500 หยวน (ประมาณ 2,370 บาท) และเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเขา ก็รีบพูดทันทีว่าลืมบอกค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน
เนื่องจากไม่ได้นำเงินสดติดตัวมามากพอ จึงสแกนโค้ดและชำระเงินผ่านธนาคาร หลังจากนั้นก็รอประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนมาถึงและเริ่มงานปาร์ตี้ ระหว่างกินข้าวทุกคนก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆ จนถึงเรื่องเงินบำนาญ คุณหว่องได้ยินดังนั้นจึงกันมาถามเขาว่า “คุณคิม ฉันจำได้ว่าคุณเกษียณไปนานแล้ว เงินรายเดือนที่ได้รับอยู่ที่ 10,000 หยวน (ประมาณ 47,500 บาท) ใช่หรือไม่?”
เขาตอบไปตามตรงว่า เดิมทีตนเองเป็นเพียงพนักงานธรรมดาๆ ตอนนี้ในแต่ละเดือนเขาได้รับบำนาญเพียง 1,000 หยวน (ประมาณ 4,750 บาท) ซึ่งเพียงพอต่อการดำรงชีวิต อย่างไรก็ดี ทุกคนที่ได้ยินก็พากันหัวเราะออกมาและพูดถ้อยคำเสียดสี แน่นนอนว่าบรรยากาศมื้ออาหารทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ไม่คิดว่าในงานเลี้ยงรุ่นจะคือโอกาสที่ทุกคนใช้เปรียบเทียบและดูถูกดูแคลนกันแบบนี้
- อับอาย เพื่อนเห็นเก็บ "ข้าวเหลือ" งานเลี้ยงรุ่น แต่กลับบ้านได้ข้อความ อ่านแล้วซึ้งพูดไม่ออก
- สาวเล่า ตั้งท้องหลังไป "งานเลี้ยงรุ่น" แต่ไม่รู้ใครพ่อเด็ก อ่านจบคนไม่สงสาร รุมประนาม!
เพื่อนร่วมรุ่นท่าทีเปลี่ยนไป เมื่อรู้อาชีพลูกสาว
ในที่สุดงานเลี้ยงก็จบลง เขาเดินออกไปข้างนอกและส่งข้อความถึงลูกสาว ในเวลานั้นเพื่อนๆ ก็เดินออกมารวมกันที่จุดนี้ คุณหว่องเห็นว่าเขายืนอยู่จึงเสนอที่จะพาไปส่งกลับบ้าน และไม่ลืมท่าจะโอ้อวดรถคันใหม่ที่ตนเองเพิ่งซื้อมา อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธโดยบอกว่าลูกสาวจะมารับ หลังจากพูดได้ไม่กี่คำ ลูกสาวก็ออกมาจากร้านอาหารเดียวกัน
คุณหว่องที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ชี้ไปที่ลูกสาวของเขาและพูดว่า “ถ้าลูกสาวของคุณมีรถมารับ ก็คงจะมารับไปแล้ว ดูสาวคนนั้นสิ เห็นไหมว่าเธอเพิ่งประชุมทางธุรกิจกับร้านแห่งนี้สำเร็จ ลูกสาวของคุณเก่งได้ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” ลูกสาวเห็นเหตุการณ์นี่จึงพูดกับเขาว่า “พ่อคะ รอแปปนึงนะ หนูจะไปขับรถมารับตรงนี้”
ในเวลานี้ทุกคนมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ และเช่นเคยที่คุณหว่องเป็นคนแรกเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงใจดีว่า “คุณไม่ได้บอกฉันตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าลูกสาวของคุณเป็นนักธุรกิจ ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้ลูกสาวของคุณช่วยฉัน คุณสามารถแนะนำเธอให้รู้จักฉันได้ไหม?”
คำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ยังจำได้ถึงวินาทีที่เพื่อนคนนี้เยาะเย้ย แต่ตอนนี้กลับพูดด้วยน้ำเสียงหวาน และแน่นอนว่าเขาไม่ทำตามคำขอนั้น ใช้ข้ออ้างที่ว่าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องธุรกิจมากนัก และเมื่อลูกสาวขับรถมาก็รีบบอกลาทุกคนอย่างสุภาพ และไม่ลืมที่จะบอกว่าถ้าจะมาทานร้านอาหารนี้อีกครั้ง สามารถติดต่อขอส่วนลดราคาได้
ท้ายที่สุดเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็ยังคงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย เพราะก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่น ไม่เคยคิดเลยว่าธรรมชาติของมนุษย์จะน่ากลัวได้ขนาดนี้ เมื่อเห็นทัศนคติของอดีตเพื่อนร่วมชั้น จึงรู้สึกผิดหวังมาก และตัดสินใจว่าจะไม่เข้าร่วมงานรวมตัวในชั้นเรียนแบบนี้อีก