เทคโนโลยี DNA เผยโฉมหน้าจริงของ "Jack the Ripper" ฆาตกรต่อเนื่องในตำนาน
เว็บไซต์ ladbible นำเสนอเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องในตำนานแห่งแดนผู้ดีที่เป็นปริศนามายาวนานกว่าทศวรรษ นั่นก็คือ Jack the Ripper (แจ็ค เดอะ ริปเปอร์) ด้วยการเผยโฉมหน้าที่แท้จริงโดยใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้าน DNA
ตัวตนจริงๆ ของ Jack the Ripper ยังคงเป็นปริศนามาตั้งแต่ที่เขา(หรือเธอ?)ก่อเหตุสะเทือนขวัญในปลายศตวรรษที่ 19 ในย่านไวต์แชปเพิล กลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บางทฤษฎีก็อ้างว่าเขาคือ พระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย บ้างก็ว่าเป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศส รวมไปถึงบุคคลอื่นอีกมากมาย แต่ไม่ว่าตัวจริงจะเป็นใคร ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานาน เจ้าตัวก็คงจะลาโลกนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
Jack the Ripper เป็นที่กล่าวขวัญก็คือ ความโหดเหี้ยมที่กระทำต่อเหยื่อ 5 ราย ที่ล้วนตายอย่างทารุณ ได้แก่ แมรี แอนน์ นิโคลส์, แอนนี แชปแมน, เอลิซาเบธ สไตรด์, แคทเธอรีน เอ็ดโดวส์ และ แมรี เจน เคลลี ซึ่งเหยื่อรายที่ 4 ของเขาถูกเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นร่องรอยที่ได้ทิ้งไว้
เอ็ดโดวส์ ถูกพบเป็นศพในวันที่ 30 กันยายน 1888 ซึ่งเป็นในคืนเดียวกันกับที่ Jack the Ripper สังหาร เอลิซาเบธ สไตรด์ ในที่เกิดเหตุฆาตกรรม เอ็ดโดวส์ มีผ้าคลุมไหล่ผืนหนึ่งซึ่งถูกนำกลับบ้านโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ต่อมาผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ถูกนำไปประมูล และ รัสเซลล์ เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นผู้ซื้อไป ก่อนที่เขาจะนำผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นไปตรวจสอบ DNA ซึ่งพบว่ามีคราบเลือดและคราบอสุจิอยู่บนผ้า โดยคราบเลือดนั้นตรงกับ DNA ลูกหลานของ เอ็ดโดวส์
อ้างอิงรายงานจาก เดอะ มิร์เรอร์ เผยว่า เอ็ดเวิร์ดส์ บ่งชี้ว่าคราบอสุจิดังกล่าวตรงกับ DNA ของ "แอรอน คอสมินสกี" หนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลักที่จะเป็น Jack the Ripper มาโดยตลอด
เอ็ดเวิร์ดส์ เขียนหนังสือชื่อ Naming Jack the Ripper เขาระบุว่า คอสมินสกี นั่นแหละคือฆาตกรต่อเนื่อง Jack the Ripper และตอนนี้เขามีหนังสือเล่มใหม่ออกมาชื่อ Naming Jack the Ripper: The Definitive Reveal โดยในหนังสือเล่มนี้ เขาได้ชี้ตัว คอสมินสกี อีกครั้ง โดยอ้างว่าตำรวจเชื่อว่า คอสมินสกี มีความเกลียดชังผู้หญิงอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำอาชีพโสเภณี และมีแนวโน้มพฤติกรรมต้องการฆ่าคนอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวนั้นก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2014 แอนดรูว์ สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านคดี Jack the Ripper ได้กล่าวว่า การจะไขคดีนี้ได้นั้นต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่มีอยู่จริง เป็นไปได้ยากมากที่หลักฐานหรือ DNA ใดๆบนผ้าคลุมไหล่จะไม่ปนเปื้อนสิ่งอื่น
อย่างไรก็ตาม เอ็ดเวิร์ดส์ ได้ขอให้ ดร.จารี โลเฮไลเนน จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล จอห์น มัวร์ส ทำการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์บนผ้าคลุมไหล่เท่าที่สามารถจะทำได้ผ่านเทคโนโลยีที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ก่อนจะได้ภาพใบหน้าของ Jack the Ripper ออกมา โดยเชื่อมโยงกับ คอสมินสกี ซึ่ง DNA นั้นระบุชัดเจนว่าเป็นคนเชื้อสายยุโรปมากกว่า 99%