เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"มิน พีชญา" น้ำตาคลอ แถลงปมร้อน ดิ ไอคอน ขอยุติสัญญาเลือกข้างประชาชน

ออกมาตั้งโต๊ะแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน สำหรับนางเอกสาว มิน-พีชญา วัฒนามนตรี ถึงปมร้อมแรงที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องกับข่าวดังในบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป

โดย มิน พีชญา ได้มาพร้อมกับผู้จัดการ และทนายประจำตัว เปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า "มินเป็นทั้งพรีเซนเตอร์ และเป็นทั้งผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กรค่ะ หรือถ้าเรียกภาษาบ้านๆ ที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือ PR ค่ะ นี่คือบริบทที่มินได้รับจ้าง มีตัวสัญญากฎหมายชัดเจนค่ะ ส่วนคนข้างในบริษัทเขาจะเรียนกมินว่าบอสค่ะ ซึ่งเป็นคำที่เขาใช้เรียกมินกันเอง และก็ให้เกียรติมินค่ะ"

"ในส่วนการทำงาน PR มินจะได้ค่าตัวเท่ากับค่าตัวพรีเซนเตอร์ปกติทั่วไปเลยค่ะ ซึ่งในส่วนนี้จะมีสัญญาชัดเจน ตรงนี้เราพร้อมที่จะเอาไปมอบให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ค่ะ เงินที่ได้มาไม่ได้แยกระหว่างพรีเซนเตอร์กับ PR ค่ะ เหมารวมหมด ไม่ต้องเข้าบริษัททุกวันค่ะ"

"หน้าที่ของมินคือ 1.พรีเซนโปรดักส์ เรียกว่าพรีเซนเตอร์ ถูกไหมคะ 2.การ PR ก็คือการที่จะต้องเข้าไปอยู่ในงานและ PR ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ตามงานต่างๆ ที่บริษัทแจ้งมาค่ะ นั่นคือสโคปงานของมิน"

"ก็ยังโทษตัวเองนะคะ ว่าเราตรวจสอบไม่ดีพอ (เสียงสั่น) ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนที่เรารัก ซึ่งมินก็พูดได้เลยว่า มินมีทุกวันนี้เพราะประชาชน วันนี้มินก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะคะ"

"ตั้งแต่มินเข้ามา ไม่เคยมีจุดไหนที่น่าสงสัยเลยค่ะ คือภาพลักษณ์มันดีเหมือนที่ทุกคนเห็นเลยค่ะ มินเองก็เพิ่งได้ยินเรื่องเสียหายของบริษัทเป็นครั้งแรกพร้อมทุกคนเลยค่ะ เมื่อมินได้ยิน ยอมรับว่าตกใจมากค่ะ พยายามตั้งสติและตั้งรับ"

"ที่ตกใจและเสียใจ เพราะว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้น คือมินสงสารเขามากค่ะ มินอยากจะยืนเคียงข้างประชาชนอะ มินอยากจะเจอเขา อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง"

"มินไม่ได้เอะใจเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทก็เปิดมา 6 ปี มินเพิ่งเข้ามาแค่ปีครึ่งเองค่ะ ก่อนหน้านี้บริษัทไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย แล้วได้รับการการันตีจาก สคบ. ซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่จากภาครัฐนะคะ ตัวมินเองในฐานะปุถุชนธรรมดา มินจะมีโอกาสได้ไปตรวจสอบเชิงลึกอะไรได้ขนาดนั้นคะ ตัวมินเองก็พยายามที่จะตรวจสอบมากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ตรวจสอบแม้กระทั่งภาษีนะคะ ว่าเขาจ่ายถูกต้องไหม เพราะมินก็กลัว"

"คือเวลามินจะรับงาน ปกติมาตรฐานของมิน มินอยู่วงการมา 20 กว่าปีนะคะ มินไม่เคยมีการเสียหายในเรื่องการรับงานพรีเซนเตอร์มาก่อนแม้แต่ตัวเดียว ไม่เคยรับอะไรที่สุ่มเสี่ยง สีเทา หรือมีความเสี่ยงที่จะหมิ่นเม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว"

"และบ้านมินก็มีธุรกิจนะคะ เกี่ยวกับห้างร้านวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ แล้วเงินที่ได้จากบริษัทดิ ไอคอน ก็เป็นเงินที่ได้เท่ากับพรีเซนเตอร์ทั่วๆ ไปเลยค่ะ มินไม่ได้เงินเป็นร้อยล้านแบบที่เขาพูด วันนี้ตัวมินเองมีทางเลือกนะคะ ไม่ได้ถูกบีบที่จะต้องมาทำอะไรที่เป็นสีเทา หรือทำอะไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเงินไปเพื่ออะไรอะคะ เพราะที่บ้านมินก็มีธุรกิจรองรับอยู่แล้ว"

"มินเจอคุณพอลเมื่อต้นปีที่แล้วเองค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และหลังจากที่ได้เจอกัน คุณพอลก็ติดต่อมาหามินว่า พี่อยากให้มินเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ พี่เชื่อว่ามินทำได้ดี พี่อยากให้มินมีส่วนในการเป็น PR ของบริษัท ซึ่งตรงนี้ตัวมินเองก็ไม่ได้รีบตัดสินใจแต่อย่างใด มินไม่เข้าใจที่เป็นพรีเซนเตอร์อยู่ดีๆ จะมาเป็น PR"

"ตัวมินกลับไปคิดทบทวนหลายเดือนเลย ในระหว่างนั้นก็ลองทานโปรดักส์ไปด้วย ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 2-3 เดือนค่ะ ซึ่งระหว่างนั้นพี่พอลก็มีการโทรตามมินเรื่อยๆ"

พอมาคุยกับผู้จัดการเราก็ได้ข้อสรุปว่างั้นมาลองดูกับเขาสักปีละกัน นั่นเป็นที่มาที่ได้เจอกันครั้งแรก และหลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจร่วมงานในฐานะเหมือนผู้ถูกจ้างคนหนึ่งค่ะ เป็นเหมือนพนักงานบริษัทคนหนึ่ง เรียกว่าทั้งพรีเซนเตอร์และผู้รับจ้างค่ะ เป็น PR"

"เขาขอมินว่า เขาจะขึ้นตำแหน่งนี้นะ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และในองค์กรก็จะเรียกมินว่าบอส เพื่อเป็นการให้เกียรติเหมือนกันค่ะ ต่อให้ตำแหน่งมินจะคืออะไรก็ตาม แต่วันนี้เราเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เขาก็เรียกมินกันแบบนั้น คือคำว่าบอสเป็นตำแหน่งที่เขาใช้ให้เกียรติเรียกเรา แต่ไม่ได้แปลว่าเป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้ลงทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้"

"วันนี้เมื่อเกิดเหตุขึ้น มินก็เสียใจเป็นอย่างมาก และอยากจะแสดงความจริงใจกับผู้เสียหาย โดยการยุติสัญญากับบริษัทดิ ไอคอน ที่มีต่อกันทั้งหมดเลย แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบว่าถูกหรือผิดนะคะ แต่แน่นอนว่ามินต้องเลือกข้างประชาชน เลือกความยุติธรรม และความถูกต้องค่ะ และมินก็ไม่หนีไปไหน  หลังจากนี้มินก็จะรวบรวมพยานและหลักฐานในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมค่ะ"

"วันนี้ทุกอย่างมันช้าไปหมดเนอะ จนทำให้เกิดความเสียหายแบบประเมินค่าไม่ได้ (น้ำตาคลอ) มินเลยอยากจะออกมาพูดด้วยตัวเอง และขอยุติสัญญากับบริษัท ไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่มินเห็นแล้วว่า บริษัทไม่ได้ออกมาปกป้องเราเลยค่ะ"

"มินคงไม่โทษใครนะคะ สิ่งเดียวที่วันนี้มินเสียใจ คือมินเสียใจที่ประชาชนเดือดร้อน (น้ำตาคลอ) มินโทษตัวเองว่า ทำไมปล่อยให้มีผู้เสียหายขนาดนี้ ถึงแม้มินจะรอบคอบแค่ไหนก็ตาม แต่มันก้ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นนะ"

"มินอยากจะขอโทษประชาชนด้วยความจริงใจเลยว่า มินรู้สึกเสียใจจริงๆ ค่ะ และมินก็จะยืนเคียงข้างประชาชนนะคะ หมายถึงว่าหลังจากนี้มินจะไม่หนีไปไหน วันนี้มินอยากจะยืนเคียงข้างเขา และอยากจะช่วยทุกสิ่งที่มินสามารถจะช่วยได้"