มาแล้ว! "บอสพอล" ออกโหนกระแส เปิดรายการร้องไห้เลย หนุ่ม กรรชัยถาม ทำไมถึงกล้ามา
หลังจากที่พิธีกรดังอย่าง หนุ่ม กรรชัย ออกมาเปิดแผลเรื่องธุรกิจเครือข่ายชื่อดัง "ดิไอคอนกรุ๊ป" ธุรกิจอาหารเสริม ที่มี "บอสพอล" วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นผู้ก่อตั้งและเป็น CEO และยังมีดารา นักแสดง พิธีกรชื่อดัง เป็นทั้งพรีเซนเตอร์ รวมทั้งมีชื่อเป็นผู้บริหารในบริษัท ก่อนจะมีประเด็น หลังผู้เสียหายออกมาอ้างว่า ถูกหลอกให้ร่วมลงทุน สูญเสียเงินไปมากมาย แต่กลับไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่สัญญาไว้
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บอสพอล วรัตน์พล ได้เข้าไปให้ปากคำกับ บก.ปคบ. และยังออกมาเคลื่อนไหวว่า อยากมาออกรายการโหนกระแส หลังจากที่ทางรายการนำเสนอเรื่องนี้ไปแล้ว 2 ครั้ง โดยที่บอสพอลยังไม่พร้อมมาร่วมรายการ
ในที่สุด วันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้ว เพราะในวันนี้ รายการโหนกระแส ได้ บอสพอล มานั่งในรายการ เผชิญหน้ากับผู้เสียหายหลายคน ซึ่งเปิดรายการมา บอสพอลก็ร้องไห้ทันที จนหนุ่มกรรชัยต้องบอกให้ตั้งสติ และถามว่า ทำไมถึงกล้ามาออก บอสพอลบอกว่า อยากมาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยอมรับเลยว่ากลัวมาก ไม่กล้ามา แต่ต้องมา
โดย บอสพอล นั่งฟังผู้เสียหาย เล่าเรื่องราวที่มีคนเสียชีวิต จากการเป็นหนี้เป็นสิน ไม่มีเงินรักษาตัว บางคนก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ทำให้บอสพอลก็ร้องไห้โฮ บอกว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย เสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เคยมาถึงหูตนเลยจริงๆ และตลอดรายการก็ร้องไห้ไม่หยุด และบอกว่า ตอนนี้ตนไม่มีอะไรจะพูด ไม่มีอะไรจะสู้ และไม่รู้ว่าตัวเองสู้อยู่กับอะไร หลังจากนี้จะชดใช้ให้ทุกคนที่เดือดร้อน ที่เสียหาย สู้จนถึงบาทสุดท้ายของตน ถ้าเงินหมดแล้ว เหลือแต่ชีวิต ให้ไปทำอะไรก็จะทำ
ส่วนถ้าตนถูกจำคุก ถูกดำเนินคดี ถูกอายัดทรัพย์สิน ก็เชื่อว่าทางภาครัฐก็มีวิธีการเอาทรัพย์สินทั้งหลายเหล่านี้ไปคืนผู้เสียหายอยู่แล้ว ถามว่ายอมหมอบหรือไม่ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะตนไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ตนสู้อยู่กับอะไร
บอสพอลยืนยันว่า ในจุดเริ่มต้นของการสร้าง ดิ ไอคอน ขึ้นมา ไปจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจทำการตลาดแบบตรง ขายสินค้าออนไลน์ เปิดรับสมัครคนที่จะมาเป็นตัวแทน โดยตนเป็นบอสใหญ่ มีคนสมัครประมาณ 20 คน คัดเอา 10 คน มาเป็น "บอส" ในระดับรองลงมา จริงๆก็คือ ตัวแทนจำหน่าย ที่รับสินค้าของตน ไปกระจายต่อในแต่ละทีมของตัวเอง
บอสแต่ละคนทั้ง 10 คน มีรายได้จากยอดขาย นั่นหมายความว่า คนที่ทำได้มาก ขายได้มาก เก่งมาก ก็ได้มากกว่า แปลว่าบอส 10 คน เขาไม่ได้ได้เงินเท่ากัน บางคนเก่งน้อยกว่าก็ได้เงินน้อยกว่า คนที่เขาร่ำรวยขึ้นมา ใช้นาฬิกา ใช้รถหรู เขาก็พยายามสู้มา ทำมา ไม่ได้สำเร็จในวันสองวัน เขาก็มามาหลายปี จนสำเร็จ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะร่ำรวยจากความสำเร็จนี้
ส่วนเรื่องการยิงแอด การสอน การโค้ชชิ่งต่างๆ เป็นเรื่องที่ตัวแทนแต่ละคนเขาจะไปออกแบบการสอน ยิงแอดโปรโมตการสอนการตลาดออนไลน์ ตนก็แอบไปตรวจสอบ ว่าคอร์สแต่ละคอร์สของบอสแต่ละคน ว่าเขาสอนอะไร เขาก็สอนเทกนิกการทำการตลาดออนไลน์สำหรับคนทั่วไปจริงๆ โดยที่ช่วงท้ายๆของการสอน เขาจะเอาสินค้าของ ดิ ไอคอน ไปไทอินนิดหน่อย แล้วพอสอนจบ เขาก็ปิดการสอน แล้วค่อยพูดคุยต่อ ว่าใครไม่มีสินค้า ก็ลองมาขาย มาเป็นตัวแทนกับเราไหม มันก็เป็นวิธีการของบอสแต่ละคนเขาทำกัน
ส่วนประเด็นเรื่องดาราทั้งหลาย เป็นการจ้างเขามาเป็น "พรีเซนเตอร์" สินค้า ในสัญญาไม่มีการระบุว่าเป็นผู้บริหารหรือไม่ได้ให้ชักชวนใครมาลงทุน แต่ก็มีบ้างตามงานอีเวนต์ ที่ตนไปขอร้อง หรือไหว้วาน ให้เขาช่วยพูดเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ของทางบริษัท ให้ช่วยพูดเรื่องข้อดีบริษัท ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการชักชวนคนมาลงทุน
ส่วนสัญญาของดาราแต่ละคน ทำไม่เหมือนกัน บางคนก็ทำเป็นรายปี แต่บางคนแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เพราะบางคนเขาทำพรีเซนเตอร์สินค้าไม่เท่ากัน บางคนมีสินค้าหลายตัว ยอดขายแต่ละเดือนก็ไม่เท่ากัน การแบ่งจ่ายส่วนแบ่งสินค้าแต่ละเดือน จึงต้องสัญญากับพรีเซนเตอร์แต่ละคนไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ถามตรงๆ ว่าที่เฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ" มีการออกมาเปิดคลิปเสียงปริศนา ที่ทำเอาโลกออนไลน์ตื่นตาตื่ใจกันมาก แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร และเป็นเรื่องอะไร แต่ชวนให้จินตนาการไปไกลมาก โดยทางเพจระบุว่า "คลิปเสียงของบิ๊กบอสกับนักการเมืองคนนึง ที่ให้ช่วยวิ่งเต้นคดีนี้ โดยเสนอจ่าย 30 ล้านพร้อมค่าเลี้ยงดูอีกเดือนละเเสน แลกกับการเปิดทางและให้ช่วยเคลียร์กับตำรวจยศใหญ่ที่มีอำนาจคนหนึ่ง" ในคลิปใช่เสียงของ "บอสพอล" หรือไม่
เจ้าตัวยอมรับว่าใช่ เป็นเสียงของตนจริงๆ เกิดจากเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน ที่ถูกบรรดา "นักร้อง" มาขู่เรียกเอาเงิน ไม่อย่างนั้นจะไปร้องต่างๆ นานา จนทำให้ตนติดต่อกับคู่สนทนาในสาย ซึ่งไม่ขอยืนยันว่าเป็นใคร ว่าเขาจะช่วยเราได้จากเรื่องนี้ บอสพอลยังบอกว่า เรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นกับตนคนเดียว จะให้ตนลากคนอื่นออกมาแฉ ก็ไม่ใช่นิสัยของตน มันเกิดกับตน ก็ขอให้จบที่ตนคนเดียวพอ ยืนยันว่า ทุกคนที่ทำธุรกิจย่อมมีแผลอยู่แล้ว จะแผลมากแผลน้อย
ส่วนอีกคลิป คือคลิปเสียงเทวดาใน สคบ. บอสพอลก็ยืนยันว่าเป็นเสียงของตนเองจริง แต่เป็นเรื่องความเชื่อ ที่หมายถึง "เทวดา" จริงๆ ที่ปกปักษ์คุ้มครอง ทุกสถานที่อยู่ ไม่ว่ากันหากใครไม่ได้มีความเชื่อแบบตน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การไปยัดเงินอย่างที่ใครเข้าใจ
บอสพอลยืนยันว่า ตอนนี้ต้องตั้งศูนย์เยียวยาผู้เสียหาย ใครที่เสียหายอะไรมา ให้มาแจ้งตามช่องทางต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วทางบริษัทจะดำเนินการเยียวยาผู้เสียหายต่อไปอย่างแน่นอน