"เอิร์น วัดใหญ่ฯ" อดีตนักโทษกลับใจ มอง “ข้างนอกมีคนเลวมากกว่าในคุก”
"เอิร์น วัดใหญ่ฯ" อดีตนักโทษกลับใจผันตัวมาเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจให้คนหลงผิดกลับลำ เผยความคิดส่วนตัว "ข้างนอกมีคนเลวมากกว่าในคุก" แค่ยังไม่ถูกจับ ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองมีสิทธิตกอยู่ในวังวน เป็นผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา และผู้ต้องขัง ในที่สุด
"เอิร์น วัดใหญ่ฯ" อดีตนักโทษกลับใจ ผันตัวมาเป็นวิทยากร สร้างความสุขความบันเทิง และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้ต้องขังเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดี จนเป็นที่ยอมรับในสังคม อีกทั้งนำบทเรียนในอดีตมาเล่าผ่านช่องยูทูบ "หรั่ง พระนคร Official น.ช.ไม่ทิ้งกัน" เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจอย่าหลงเดินทางผิด หลายตอนต่อเนื่อง และทุกตอนได้รับความสนใจเข้าชมอย่างมาก ด้วยหวังว่า สิ่งที่กำลังทำในปัจจุบันนี้ หากสามารถช่วยให้คนที่กำลังหลงผิดกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้ 1-2 คน ก็นับว่าเป็นกุศลยิ่งต่อตัวเขาแล้ว
เอิร์น ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Sanook.com ว่า ชื่อ "เอิร์น วัดใหญ่ฯ" มาจากที่บ้านเขาอยู่ใกล้กับ "วัดใหญ่ศรีสุพรรณ" ย่านฝั่งธนฯ บ้างก็เรียกว่า "เอิร์น ฝั่งธน" เดินทางผิดตั้งแต่วัยไร้เดียงสา มีฐานะทางครอบครัวบวกกับ สภาพแวดล้อม และบุคคลที่เข้ามาในเป็นสิ่งเร้า
"ครอบครัวผมฐานะไม่ค่อยดี บางทีพอกินบางทีไม่พอใช้ พี่น้องผมมี 4 คน ทุกคนต้องเรียนหนังสือ แล้วที่นี้พ่อแม่ผมเหมือนหาไม่ทันแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปเอี่ยวกับตรงนี้ กับด้านมืดตรงนี้ ผมมารู้จักยาเสพติดตั้งแต่เด็ก ก่อนวัยอันควรเลยด้วย ตอนนั้นประมาณ 9 ขวบ 10 ขวบ ป.3 บ้านผมก็เหมือนเป็นที่พักยา ก็คือสิงโตเหยียบโลก ก็คือเฮโรอีน ผมก็มีหน้าที่เอาตรงนี้ไปส่ง ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่า ยาเสพติดมันให้โทษยังไงอะไรผมไม่รู้หรอก ผมรู้แต่ว่ามันให้คุณกับผม มันทำให้ผมมีเงิน จนครอบครัวผมผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้ พ่อแม่ผมก็ตัดสินใจเลิก"
เอิร์น เล่าต่อว่า เขาเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยเกรดเฉลี่ยนที่ดีมากพอให้ได้โควต้าเข้าเรียนต่อในโรงเรียนชั้นนำ และเขารู้สึกดีใจมากที่จะได้เข้าเรียนโรงเรียนๆ ดี หาความรู้เพื่อกรุยทางสู่อาชีพในฝัน คือ ทหาร หรือ ตำรวจ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาไม่ได้รับโควต้า โดยครูคนหนึ่งให้เหตุผลว่า "ดูจากพฤติกรรม" ถ้าให้โควต้ากับเขาแล้วจะทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียงในภายหลัง เมื่อผิดหวัง ด้วยความคิดแบบเด็กๆ จึงแอนตี้สังคม ด้วยการเป็นเด็กเกเร และเปิดตัวขายยาเต็มระบบในเวลาต่อมา
"ตอนผมจะจบ ป.6 เนี่ย เกรดเฉลี่ยผมออกมามันดีนะ มันดีพอที่จะทำให้ผมได้โควต้า ไปเรียนต่อในโรงเรียนที่ดี เฮ้ยเราเป็นเด็กเรียนดีเหรอเนี่ย เราเรียนเก่งเหรอวะเนี่ย ผมดีใจนะตอนนั้น แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่เราคิด เมื่อครูคนหนึ่งเรียกผมไปพบ แล้วก็บอกว่าฉันให้โควต้านี้แกไม่ได้ เพราะดูจากพฤติกรรมให้แกไปก็เสื่อมเสียชื่อเสียงโรงเรียน เขาบอกผมว่า ถ้าผมไม่พอใจนะ ถ้าไม่พอใจเชิญแกไปฟ้องพ่อแม่แกได้เลย อ้าวทำไมเราเรียนดีแล้วเราไม่ได้ ผมรู้สึกแบบว่า มันไม่ถูกต้อง เขาน่าจะมาบอกผมว่า แกเป็นเด็กเรียนดีนะ แกเห็นเกรดเฉลี่ย แกควรจะปรับปรุงพฤติกรรมแกหน่อยนะ เพื่ออนาคตข้างหน้าของแก แกควรจะทำตัวให้มันดีกว่านี้ แต่เขาก็มีรางวัลปลอบใจให้ผม ก็คือว่าเขาโควต้าของอีกโรงเรียนหนึ่งมาให้ แต่ความรู้สึกผมตอนนั้นผมไม่อยากได้ ผมอยากได้โรงเรียนนั้น แล้วก็ตัดสินใจสอบเข้าเอง ปรากฏว่าผมก็สอบเข้าไปได้ แล้วอยู่ห้องคิงด้วย แต่ความรู้สึกผมมันเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่อยากเป็นเด็กตั้งใจเรียนอีก แล้วผมก็เริ่มฉายแววที่โรงเรียนนั้น เกเร สูบบุหรี่ แต่งตัวผิดระเบียบ มีเรื่องชกต่อย ยกพวกตีกัน ตอนนั้นที่ห้องปกครอง อาจารย์ฝ่ายปกครองเขาจะเรียกผมว่า ไอ้นี่มันระดับซุปเปอร์ แต่อย่างน้อยผมก็เรียนจบ ม.3 ออกมา อายุ 14-15 ปี ผมกลายเป็นเด็กติดยาแล้ว เป็นเด็กติดยาคนหนึ่งแล้ว แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเด็กติดยาคนหนึ่งมีลูก เวลาลูกผมร้องหิวนม ความรู้สึกผมมันเป็นอะไรที่แบบว่า ผมไม่รู้จะรับผิดชอบตรงนี้ยังไง ผมก็ตัดสินใจ ขายแบบเต็มระบบ
เริ่มเป็นผู้เสพ เป็นผู้ค้า แล้วก็มาเป็นผู้ต้องสงสัย แล้วก็มาเป็นผู้ต้องหา"
เอิร์น เป็นผู้ต้องสงสัย เป็นผู้ต้องหา และเป็นผู้ถูกคุมขัง หลายรอบ ได้รับโทษรวม 21 ปี ก่อนกลับตัวกลับใจ มุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เพราะไม่อยากตกอยู่วังวนเดิมๆ และโชคดีที่มีน้องสาวคอยซัพพอร์ต และมีเพื่อนอย่าง "หรั่ง พระนคร" ช่วยจูงมือให้เดินไปในทิศทางที่ดี จนสังคมให้การยอมรับ
"พ้นโทษออกมาเนี่ย ตอนแรกเนี่ยผมก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ผมโชคดี ผมได้น้องสาวคอยซัพพอร์ต คอยช่วยดูแล คอยไปประคองชีวิตผมไว้ก่อน จนมาวันหนึ่งเนี่ย หรั่ง พระนคร ติดต่อผมมาให้มาช่อง ผมก็ไป พอไปแล้วเนี่ยเหมือนเคมีตรงกัน หรั่ง พระนคร ก็เลยผลักดันผม ให้ผมเป็นวิทยากร เข้าไปพูดไปให้แง่คิด ไปให้ความบันเทิงกับโรงเรียน และเรือนจำหาอะไรให้ผมทำนู่นทำนี่ เราก็ได้เงิน มันก็มีคนจ้างเรารีวิว เอานู่นนี่มาขาย มันเริ่มมีรายได้เข้ามา เป็นวิทยากรครั้งแรกผมเข้าไปที่โรงเรียน แล้วผมเห็นครูบาอาจารย์ เข้ามาต้อนรับเรา เขาให้เกียรติเรามาก โหเขาเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟกาแฟ เสิร์ฟโอ้โหทุกสิ่งทุกอย่าง ผมไม่คิดว่าคนอย่างผมจะไปอย่างนั้นได้ ผมรู้สึกแบบว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี ผมจะต้องรักษาตรงนี้ไว้เพราะเราเปลี่ยนแปลง เราทำตัวให้มันมีค่า แล้วคนเขาจะเห็นคุณค่าเรา เมื่อก่อนผมชอบคิดว่าผมน่ะ ไม่มีโอกาสหรอก คนคุกใครเขาจะให้โอกาสเรา คน เขาเห็นตัวลายๆ เขาก็เดินหนีแล้ว แต่พอผมเริ่มอยู่ไปๆ เริ่มเรียนรู้ไป ผมกับรู้สึกว่า จริงๆ แล้วโอกาสสำหรับคน ไม่ต้องคนคุกก็ได้ คนทั่วไป โอกาสจริงๆ แล้วมันอยู่รอบตัวเรา ไอ้สิ่งที่เราไม่มีมันคือความพร้อม อย่างผมเปรียบเทียบว่า อย่างสมมติว่าโอกาสมันเหมือนสายน้ำ ในตอนที่เรากระหายน้ำ สายน้ำเนี่ยมันพุ่งเข้ามาหาเรา แต่สิ่งที่เราไม่มี เราไม่มีขัน สมมติเรามีขันสักใบ น้ำมันพุ่งมาหาเราตักมันได้ เราดิ่มแก้กระหายได้ แล้วสมมติถ้าเรามีสัก 5 ขัน 10 ขัน โอ้โหเราได้น้ำเยอะเลย อย่างสมมติเขาต้องการคนที่เก่งภาษา แต่เราพูดภาษาอะไรไม่ได้เลย เราก็ไม่ได้โอกาสนี้ เขาต้องการคนที่ขับรถเก่งๆ เราขับรถไม่ได้ เราก็เสียโอกาสอีก สิ่งที่เราควรทำ คือไปทำให้ตัวเองมันมีความพร้อมทุกอย่าง แล้วโอกาสทุกอย่างมันจะเป็นของเรา"
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เอิร์น บอกด้วยว่า ส่วนตัวเขามองว่า "ข้างนอกมีคนเลวมากกว่าในคุก" เพราะข้างนอกมีพื้นที่มากกว่าในคุก มีจำนวนคนมากกว่า คนกร่างสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เอารัดเอาเปรียบ คดโกงผู้อื่น ยังเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ เพียงเพราะยังไม่ถูกจับดำเนินคดี และยังไม่ถูกจับขัง
"ข้างนอกผมจะบอกให้นะ คนคุกคือคนที่ไม่ดี คนไม่ดีแน่นอน ถ้าดีคงไม่ถูกจับเข้ามา ในคุกมีแต่คนไม่ดี แต่ข้างนอกมีคนไม่ดีเยอะกว่า เพียงแต่ว่า มันยังไม่ถูกจับเข้าไปเท่านั้น คนเลวมันเยอะกว่าในคุกอีก มันยังไม่ถูกจับ แค่นั้นเอง มันถูกจับแล้วมันจะเข้าไปอยู่ในคุก ผมมองอย่างนี้ โลกข้างนอกมีอะไรโอ๊ย ในคุกเนี่ยมันคือคนที่ทำไม่ดีแล้วถูกจับแล้ว ส่วนข้างนอกเนี่ยมัน เราจะเห็นบางคนที่มันยังไม่เคยถูกจับ บางคนมันยังเลวแบบว่า มันยังกร่างอยู่ มันยังอะไรอีกสารพัด เพราะมันยังไม่เคยถูกจับ เอารัดเอาเปรียบ คดโกง เห็นประจำข้างนอก เห็นเยอะกว่าข้างในอีก เพราะพอคนที่มันถูกจับเข้าไปในคุกแล้วเนี่ย มันทำอะไรไม่ได้แล้ว มันอยู่ในระเบียบเรือนจำหมด มันทำได้แต่มันก็ทำได้ไม่มาก แต่ข้างนอกยังทำกันอยู่เยอะแยะ ในสังคมเยอะแยะข่มขืน ลักขโมย โกง มันมีให้ดูในสื่อตลอด เยอะแยะข้างนอก ไม่เคยขาด"
ถ้ายังไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น สักวันหนึ่งอาจจะต้องตกอยู่ในวังวนเหมือนที่เขาเคยผ่านมาแล้ว คือ เป็นผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา และผู้ต้องขัง ในที่สุด
"ถ้ายังอยู่ในสีดำ ก็จะต้องมาเป็นผู้ต้องสงสัย มาเป็นผู้ต้องหา ถูกไหม มาเป็นผู้ต้องขัง ก็จะวนอยู่อย่างนี้แหละ ไม่พ้นหรอกเป็นอย่างงี้แหละ สีดำเนี่ยมันสุขแค่ ตอนที่เราได้เสพได้ใช้ มีความสุขแค่ชั่วคราว ผมผ่านมาแล้ว ตอนขายยามีเงิน ได้ใช้ได้ทำอะไรอย่างที่ต้องการ แต่พอเราโดนจับไปแล้ว ตรงนั้นโอ้โหความทุกข์มันมีมากกว่า ไอ้สีขาวเนี่ยเงินมันอาจจะมีไม่เยอะ มันอาจจะทำอะไรได้ไม่ตามอำเภอใจเท่าไหร่ แต่เราไม่สิ้นอิสระภาพแน่ เราสามารถจะไปไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ เพราะเมื่อก่อน ชีวิตผมเมื่อก่อนถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อน ผมไปไหนไม่ได้นะ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับพรีเซ็นเตอร์ยาเสพติด ผมไปปรากฏตัวตรงไหน ซอยไหนเนี่ย ในสายตาชาวบ้าน ไอ้เนี่ยไม่มาซื้อก็มาขาย อยากจะไปธุระก็ทำไม่ได้ เพราะเราไม่โปร่ง จนมาวันนี้ความรู้สึกผม กี่โมงกี่ยามจะไปไหนก็ได้
เจอตำรวจท้องที่ ที่เคยจับผมมา จับจนเบื่อ เขาทักทายผมดีนะ เป็นไงสบายดีไหม ติดตามอยู่เหมือนกัน ดูในคลิปดูในอะไรอยู่เหมือนกัน ชอบอยู่เหมือนกัน บางคนขอผมถ่ายรูปเลย เขาบอกเอฟซีๆ เขาชอบ ผมรู้สึกดีนะ มันต่างกับเมื่อก่อนเยอะ มันทำให้เรามีกำลังใจ ทำให้เราเออเว้ย ถ้าเราเป็นคนดี คนเขาก็ยอมรับนี่หว่า"