บีบหัวใจ เผย “3 คำสุดท้าย” ด.ญ.ถูกแม่ทารุณจนตาย สลดซ้ำ หมอพบสิ่งนี้ติดอยู่ในลำไส้
ด.ญ.ถูกแม่ทารุณจนตาย เพื่อนบ้านบีบหัวใจเผย “3 คำสุดท้าย” ที่พูดถึงครอบครัว สลดซ้ำ หมอพบสิ่งนี้ติดอยู่ในลำไส้
ข่าวสลด “ไวโอเล็ต มิตเชลล์” เด็กหญิงวัย 7 ขวบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเซนต์แอนโธนี สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมโดยแพทย์ระบุว่าเธอขาดสารอาหารอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เธอบอกเพื่อนบ้านใจดีว่าพ่อแม่ผู้ทำร้ายเธอ “พวกเขารักหนู”
แพทย์ระบุด้วยว่า ร่างกายของเด็กหญิงมีน้ำหนักเพียง 13 กิโลกรัม สวมผ้าอ้อมสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบ ถูกร่างกายห่อหุ้มด้วยผ้าห่ม และยังพบว่าติดเชื้อแบคทีเรีย มีบาดแผลที่แก้ม ไหล่ และขาซ้าย รวมถึงมีรอยที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวซีดบริเวณหน้าท้องอีกด้วย
เพียงสองวันก่อนเสียชีวิต เพื่อนบ้านผู้ใจดีก็พยายามช่วยเหลือเด็กสาวคนนี้ นางเดย์เล่าว่า "ฉันปล่อยให้เด็กเข้ามาในบ้านเพราะเห็นว่าเธอหิว ฉันให้เธอกินไก่นักเก็ต มันฝรั่งบด และแครอท เด็กไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพ่อแม่เลย แค่พูดว่า "พวกเขารักหนู" พูดแค่นั้นแล้วก็ร้องไห้ และฉันก็พาไปส่งกลับบ้าน”
คำพูดที่ไร้เดียงสาของไวโอเล็ตทำให้ผู้คนรู้สึกเสียใจกับชะตากรรมอันน่าเศร้าของเธอมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการชันสูตรพลิกศพที่เพิ่งเปิดเผยไม่นานนี้ระบุว่า การเสียชีวิตของเด็กหน้าเกิดจาก "การเจริญเติบโตล่าช้า" หลังจากพบขวดนมพลาสติกอุดตันในลำไส้เล็กของเธอ
ต่อมา ลิซ่า มิตเชลล์ แม่ของไวโอเล็ต และแอนโธนี่ ยอนโก แฟนของเธอ ถูกจับในข้อหาละเลยเด็ก และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่เดวิด พี่ชายของแอนโธนี่ และทิฟฟานี น้องสาวของลิซ่า ก็ถูกจับกุมในความเชื่อมโยงกับคดีนี้ด้วย เมื่อตำรวจระบุว่าพวกเขารู้เรื่องการล่วงละเมิดดังกล่าว แต่เพิกเฉย ไม่ได้รายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบ
โดยตำรวจกล่าวว่าพวกเขาได้รับสายโทรศัพท์ไม่นานหลังจากที่แพทย์ประกาศว่าเด็กหญิงเสียชีวิตแล้ว ผู้โทรเข้ามาคือญาติหลายคนที่พยายามจะเล่าเรื่องเดียวกันเกี่ยวกับการเสียชีวิตของไวโอเล็ต อ้างว่าผู้เป็นแม่รู้ว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล
รายงานการจับกุมยังระบุด้วยว่า ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของไวโอเล็ต ซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 7 ขวบเช่นกัน ได้บอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เธอรู้ว่าไวโอเล็ตเสียชีวิตในเปลเด็ก โดยที่แขนและขามักจะถูกมัดด้วยเชือก ที่ผ่านมาได้กินแต่ขนมปังและสิ่งอื่นๆเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งแม่ของเธอยัง “เทซุปร้อนๆ ใส่ไวโอเล็ต ทั่วใบหน้าและแขนของเธอ” ตามคำให้การของเด็กหญิง
เธอยังบอกอีกว่า ลิซ่ามักจะตีลูกสาวบ่อยๆ โดยมากจะใช้ไม้กวาด รวมทั้งทากาวปิดปากลูกสาว และขังไว้ในเปลเป็นเวลานานๆ ซึ่งอาจถึงหนึ่งเดือน และยังมัดลูกสาวไว้ตลอดเวลาที่ตนเองและแฟนหนุ่มออกจากบ้านไป ถ้าไวโอเล็ตร้องไห้ผู้ใหญ่ทั้งคู่จะ “สาปแช่งเธอและไม่ให้เธอกินอาหาร"
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ผู้เป็นแม่บอกกับตำรวจในตอนแรกว่า เธอคิดว่าไวโอเล็ตเป็นไข้หวัดใหญ่ตอนที่พาไปส่งโรงพยาบาล ส่วนแอนโธนี่อ้างว่า เช้าวันนั้นเขาตื่นขึ้นมาเพราะแฟนสาวบอกว่าไวโอเล็ตไม่สามารถขยับตัวได้และป่วย จากนั้นพี่ชายของเขาก็ขับรถพาพวกเขาไปโรงพยาบาล
ขณะนี้ มิตเชลล์มีกำหนดต้องขึ้นศาลในวันที่ 27 พฤศจิกายน ในขณะเดียวกัน สมาชิกชุมชนโดยรอบกำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้เด็กสาวคนดังกล่าว โดยเพื่อนบ้านกล่าวว่า “พวกเขาควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก” , “นั่นเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ได้เลย”