"นางบี" รวยแล้ว แต่สถานะ "ลูกชาวนา" ไม่เคยเปลี่ยน พาลูกๆ ทำนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
นางบี ประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจ แต่สถานะลูกชาวนาไม่เคยเปลี่ยน สอนแก๊งลูกๆ เกี่ยวข้าว เปิดประสบการณ์หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ไว้นำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน การทำงาร และการดำเนินชีวิต
"นาง" สุภาวดี ไลลานี บูเตอเลอซ์ อินฟูลเอนเซอร์ออนไลน์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Sanook.com ถึงความเป็นลูกชาวนา แม้เธอประสบความสำเร็จกับการเป็นนักธุรกิจ มีฐานะร่ำรวยแล้ว แต่สถานะลูกชาวนาไม่เคยเปลี่ยน
"มีฐานะดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ยังได้ชื่อว่าเป็นลูกชาวนา มันเปลี่ยนไม่ได้ เพราะพ่อแม่เป็นชาวนา เราเป็นลูกชาวนา"
นางบี เล่าว่า เธอทำนาที่บ้าน ใน อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ทุกปี ตั้งแต่เรียนระดับประถมศึกษามาจนถึงปัจจุบัน หลังจากประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจ ได้เข้ามาซื้อบ้านอยู่ในเมืองกรุง แต่ก็ยังกลับบ้านเกิดสม่ำเสมอ เมื่อถึงฤดูทำหน้าก็กลับไปทำนา ตามวิถีชีวิตของคนที่เติบโตมากับท้องไร่ท้องนา
"ไม่ว่านางบีจะอยู่ที่ไหนก็ตามแต่ นางบีก็ต้องหวนกลับมาทุ่งนาเหมือนเดิมค่ะ เพราะนี่คือต้นกำเนิดของเรา รากเหง้าของเรา สถานะ ที่เราอยากจะให้มันดีขึ้น เราสามารถทำเพิ่มได้ค่ะ เราอยากรวย เราทำอย่างอื่นเสริมได้นะคะ แต่ว่าความเป็นตัวตนของเราจริงๆ ถ้าเกิดว่าเราทิ้งไป เราจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาเลยค่ะ"
การกลับบ้านไปเกี่ยวข้าวของนางบี ปีนี้คึกคักกว่าที่ผ่านมา เมื่อ "เจสสิก้า" ลูกสาว ที่ย้ายจากประเทศออสเตรเลียมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยกลับแม่ และเพื่อนๆ สนิทสนมกัน ที่โรงเรียนนานาชาติ อยากเรียนรู้การเกี่ยวข้าว มาลงนาเกี่ยวข้าวด้วย
"วันนี้นะคะ นางบีเองก็อยากส่งต่อการทำนา อาชีพที่แม่เติบใหญ่มา ให้กับลูกๆ ได้เห็นค่ะ"
นางบี บอกว่า เธอมีนาอยู่หลายแปลง เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยว ส่วนใหญ่ใช้เก็บเกี่ยวข้าวด้วยการจ้างรถเกี่ยวข้าว และส่วนหนึ่งใช้เคียวเก็บเกี่ยวผลผลิต
"พวกหนูเห็นไหมลูก ถ้าข้าวมันล้มตรงนี้ พวกหนูก็ต้องเกี่ยวต้นที่มันอยู่ข้างบนสุดก่อนลูก เอาเคียวเกี่ยวขึ้นมา ไม่เอาเตี้ยเกินไป และก็ไม่เอาปลายเกินเผื่อมัดด้วย มันจะมีต้นสั้นต้นยาว มันจะทำให้การมัดๆ ยาก มัดไม่เสมอกัน ค่อยๆ ทำ ลูกค่อยๆ ทำ ไม่ต้องใจร้อน ไม่ต้องรีบ เพราะว่าการเกี่ยวข้าว มันจะต้องใช้ความอดทนสูงมาก ทั้งแดด ทั้งการที่เราจะต้องเข้าใจว่าควรตัดระดับไหน" นางบีสอนแก๊งลูกๆ ใช้เคียวเกี่ยวข้าว
"ที่ยังใช้เกี่ยวมือนะคะ เพราะว่านางบีอยากจะ ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง โดยเฉพาะคนในครอบครัว ลูกของเราที่กำลังเติบใหญ่ ณ ตอนนี้นะคะ อยากให้เขาได้รับรู้ ความลำบาก สมัยแต่ก่อนตอนที่ยังไม่มีรถเกี่ยว ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก สมัยเป็นเด็กเหมือนลูก แม่ใช้ชีวิตลำบากขนาดไหน อยากให้เขาได้ลิ้มรส"
นางบี บอกทิ้งท้ายการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า เธอภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกชาวนา จับเคียวเกี่ยวข้าว การทำนาไม่ได้แค่ทำแล้วมีข้าวกิน การทำนายังสอนให้รู้จักความลำบาก ความอดทน วิธีการแก้ปัญหา สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน และการดำเนินชีวิต
"วันนี้นะคะเขาทำไม่เป็นหรอกค่ะทุกท่านขา แต่นางบีถือว่าเป็นการให้เด็กได้เรียนรู้ ซึ่งในโรงเรียนไม่มี ให้เขาได้เรียนรู้ว่า อ๋อการเกี่ยวข้าว มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ กว่าจะเกี่ยวข้าวเป็นต้องใช้เวลา ในการเรียนรู้กับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ถึงจะทำได้ดีขึ้น เราต้องฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ ในมุมมองของนางบี ทำนาได้ตากแดดตากฝนแบบนี้ได้ อย่างอื่นเราก็อดทนได้ สบายๆ มันเหมือนห้องเรียนที่ไม่ได้มีกำแพง มันสอนถึงวิธีการแก้ปัญหา ถ้าเกิดว่าแล้งจะทำยังไง ฝนตกน้ำท่วมจะทำยังไง แล้วเราควรจะมีความอดทนขนาดไหน มันสอนประสบการณ์ชีวิตได้ดีมากค่ะ"
"มันเป็นประโยชน์อย่างมาก การที่ให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในบริบทชีวิตที่มันแตกต่างกันออกไป สมมติว่า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในชีวิตของเขา เขาจะต้องรู้จักวิธีการเอาตัวรอด ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ นางบีเชื่อว่า สามารถเชื่อมต่อกันได้ อย่างนางบีมีธุรกิจสินค้าหลายๆ ตัว ทุกวันนี้ นางบีก็เติบโตมาจากการทำนา ถ้าเกิดว่าไม่มีเคียวเกี่ยวข้าว ไม่มีทุ่งนา ไม่มีบ้านนอกแบบนี้ เชื่อว่าตัวนางบีเองไม่สามารถ ที่จะมาเป็นนางบีอย่างทุกวันนี้ได้ เพราะว่านางบีเองเติบโตบนโลกโซเชียล ก็จากการเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา ทุกคนก็รู้จักนางบี จากการทำนา แล้วเราก็เอาไปต่อยอด"