จุดสังเกต 10 อาการชัดๆ สัญญาณชี้ว่า ฝุ่น PM2.5 กำลังทำอันตรายสุขภาพเราแล้ว
ในช่วงเวลานี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในประเทศไทยกำลังเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างมาก โดยเฉพาะในหลายพื้นที่ที่ค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐานจนติดอันดับ Top 10 ของโลกในแง่คุณภาพอากาศที่แย่ที่สุด สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างชัดเจน ทั้งนี้ การสังเกตอาการเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับ PM2.5 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว
รวมอาการทางกายที่สังเกตได้ชัดๆ เมื่อร่างกายได้รับผลกระทบจาก PM2.5
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินมาตรฐาน เราจึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีสังเกตอาการทางกายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ดังนี้:
1. เลือดกำเดาไหล
หนึ่งในอาการที่พบได้ชัดเจนและเกิดขึ้นทันทีจากการสูดอากาศที่มี PM2.5 ในปริมาณมาก คือ เลือดกำเดาไหล ฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถทำให้เนื้อเยื่อภายในจมูกระคายเคืองและอักเสบ จนทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดกำเดาไหลออกมา โดยเฉพาะในคนที่มีความไวต่อฝุ่นหรืออาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
2. ไอเรื้อรัง
การสูดดมฝุ่น PM2.5 ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบทางเดินหายใจเกิดการระคายเคืองจนเกิดอาการไอ ซึ่งอาจเริ่มต้นจากอาการไอแห้งๆ แต่หากได้รับฝุ่นในปริมาณมาก อาการไออาจทวีความรุนแรงขึ้นและกลายเป็น ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
3. หายใจติดขัดหรือหายใจลำบาก
ฝุ่น PM2.5 ขนาดเล็กสามารถเข้าสู่ปอดได้ง่ายและทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ คุณอาจสังเกตว่าตัวเองเริ่ม หายใจติดขัดหรือหายใจลำบาก แม้จะทำกิจกรรมธรรมดา เช่น เดินขึ้นบันได หรือออกกำลังกายเบาๆ ซึ่งอาการนี้เป็นสัญญาณว่าฝุ่นละอองกำลังทำให้ปอดหรือหลอดลมเกิดการอักเสบ
4. ตาแดงและระคายเคืองตา
ดวงตาเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่ไวต่อการระคายเคืองจากฝุ่น PM2.5 คุณอาจพบว่า ตาแดง แสบตา หรือน้ำตาไหล โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่น การได้รับฝุ่นในปริมาณมากๆ จะทำให้ดวงตาระคายเคืองได้ง่าย หากมีอาการนี้ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดและหลีกเลี่ยงการขยี้ตา
5. เจ็บคอหรือเสียงแหบ
การสูดดมฝุ่นละออง PM2.5 อาจทำให้เกิดอาการ เจ็บคอ หรือเสียงแหบ เนื่องจากฝุ่นละอองทำให้ลำคออักเสบและระคายเคืองอย่างรุนแรง บางคนอาจรู้สึกเหมือนมีเสมหะในคอ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายพยายามกำจัดฝุ่นที่ติดอยู่ในลำคอ
6. ผิวแห้งและระคายเคืองผิว
นอกจากระบบทางเดินหายใจแล้ว ผิวหนัง ของเราก็อาจได้รับผลกระทบจาก PM2.5 เช่นกัน คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นว่า ผิวแห้ง ผิวลอก หรือคันผิว มากขึ้น เนื่องจากฝุ่นละอองที่ทำให้ผิวระคายเคืองและขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีโรคผิวหนังอยู่แล้ว
7. ปวดศีรษะ
เมื่อฝุ่น PM2.5 เข้าไปในร่างกาย อาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด ทำให้เกิด อาการปวดศีรษะ หรือ มึนงง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง ซึ่งร่างกายอาจต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการรับมือกับปริมาณออกซิเจนที่ลดลง
8. อาการล้าและอ่อนเพลีย
การได้รับฝุ่น PM2.5 ในปริมาณมากอาจทำให้คุณรู้สึก อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ได้ง่าย แม้จะทำงานหรือกิจกรรมประจำวันปกติ ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากระบบทางเดินหายใจและฟื้นฟูสภาพร่างกาย
9. อาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหัวใจหรือหลอดเลือดอาจสังเกตเห็นว่า อาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก เกิดขึ้นได้บ่อยขึ้นในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เนื่องจากฝุ่นละอองสามารถทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
10. อาการคลื่นไส้หรือวิงเวียน
การได้รับ PM2.5 เป็นเวลานานสามารถทำให้เกิด อาการคลื่นไส้หรือวิงเวียน โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเริ่มขาดออกซิเจน หรือระบบประสาทเริ่มได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าคุณควรหาที่พักในพื้นที่อากาศบริสุทธิ์ทันที
วิธีป้องกันและดูแลตนเอง
เมื่อพบว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรป้องกันตนเองโดย:
- สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ เช่น หน้ากาก N95
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้านเพื่อช่วยปรับสภาพอากาศ
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับฝุ่นออกจากร่างกาย
- หมั่นล้างหน้าและล้างตาเมื่อกลับมาจากนอกบ้าน
การสังเกตอาการทางกายที่ชัดเจนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเตือนให้คุณระวังสุขภาพในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูง และควรดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวจากมลพิษทางอากาศ