(3).jpg)
หมอเปิดเคสสุดช็อก ชายวัย 70 ปัสสาวะออกมาเป็นเศษอาหาร-กลิ่นโชย เผยสาเหตุ
หมอยังตกใจ ชายวัย 70 ปี ปัสสาวะออกมาเป็นเศษผัก พร้อมกลิ่นเหม็น จับส่องกล้องจนพบสาเหตุ
หวง เหว่ยหลุน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินปัสสาวะ เล่าถึงกรณีของชายวัย 70 กว่า ซึ่งใส่สายสวนปัสสาวะ พบว่ามีเลือดปนปัสสาวะ และหลังจากนั้นไม่สามารถปัสสาวะได้จึงเข้ารับการตรวจ เมื่อทำการตรวจพบว่า สายปัสสาวะของเขาสกปรกมาก
หวง เหว่ยหลุน หัวหน้าแพทย์แผนกโรคทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลอีต้าร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าว่า หลังจากตรวจสอบผู้ป่วย พบว่าเขามีอาการกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่เชื่อมต่อกัน ซึ่งน่าจะเกิดจากการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ลำไส้ใหญ่เกิดการอักเสบและติดเชื้อ จึงเกิดการเชื่อมต่อกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อุจจาระไหลเข้าไปในทางเดินปัสสาวะโดยไม่ได้ตั้งใจ
การรักษาต้องตัดและซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย และส่วนหนึ่งของกระเพาะปัสสาวะ แต่เนื่องจากทางเดินที่เชื่อมต่อกันนั้นอยู่ใกล้กับท่อไตด้านซ้าย จึงต้องย้ายท่อไตไปยังตำแหน่งใหม่ในกระเพาะปัสสาวะ การผ่าตัดใช้เวลา 6 ชั่วโมง โดยได้รับความร่วมมือจากทีมศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
คุณหมอหวง เหว่ยหลุน ให้สัมภาษณ์กับ ETtoday Health Cloud ว่า เมื่อชายรายนี้มาพบแพทย์ เขาได้บอกอาการว่า มีเลือดปนในปัสสาวะและมีสิ่งสกปรกเจือปนเป็นจำนวนมาก จนปัสสาวะไม่ออก
“ตอนนั้นผมเห็นสายปัสสาวะของเขาสกปรกมาก จึงตัดสินใจทำการตรวจด้วยกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะและพบว่าในนั้นมีเศษผักพร้อมกับกลิ่นเหม็น”
จากนั้นได้ทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และการทำซีทีสแกน ซึ่งยืนยันว่าเขามีโรคทางเดินปัสสาวะเชื่อมกับลำไส้ใหญ่
หวง เหว่ยหลุน อธิบายต่อว่า การวินิจฉัยโรคนี้จะใช้วิธีการตรวจด้วยการส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ และการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ซึ่งในการส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะมักจะพบเศษอาหารหรืออุจจาระอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
ส่วนในการตรวจกระเพาะปัสสาวะด้วยการฉีดสารที่มีสีลงไปในกระเพาะปัสสาวะ หากมองเห็นสารทึบแสงไหลจากกระเพาะปัสสาวะไปยังลำไส้ใหญ่ ก็มีโอกาสสูงที่ผู้ป่วยจะมีทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ยังช่วยตรวจสอบการมีกระเปาะในลำไส้, การอักเสบ หรือช่องเปิดของฟิสตูลา ได้อีกด้วย
คุณหมอหวง เหว่ยหลุน กล่าวว่า การรักษาสุขภาพลำไส้ให้ดีและหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะท้องผูกสามารถทำให้เกิดกระเปาะในลำไส้ ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและเกิดฟิสตูลาได้
ดังนั้นการมีนิสัยการกินที่ดี จึงเป็นปัจจัยหลัก เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ, การรับประทานผักผลไม้ให้มาก, การเสริมใยอาหาร, การหลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ และการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากฟิสตูลาเกิดจากการรักษาด้วยการฉายรังสีหรือจากมะเร็ง เป็นต้น ก็ยอมรับว่าไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณหมอหวง ยังเตือนด้วยว่า "ทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะเชื่อมโยงกัน" การท้องผูกเรื้อรังไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาทางระบบปัสสาวะ และอาจทำให้อาการต่อมลูกหมากโต แย่ลงได้ด้วย