เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดชีวิตหลังเวที \

เปิดชีวิตหลังเวที "ลิซ่า" โดนซาแซงประชิดตัว และคอมเมนต์ลบกระทบจิตใจ

 เปิดใจแบบลึกซึ้งครั้งแรก! ของ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล กับเรื่องลับที่ไม่เคยพูดที่ใครมาก่อน ในรายการ WOODY FM เผยถึงเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความกดดันในการทำงาน ก้าวผ่านอุปสรรค การเผชิญหน้ากับซาแซงจนมีผลกระทบต่อจิตใจ พร้อมเล่าถึงอัลบั้มเดี่ยว Alter Ego การแสดงในซีรีส์ The White Lotus ที่เป็นการท้าทายความสามารถครั้งใหม่และเป้าหมายในอนาคต

Episode นี้ถือว่าพิเศษมาก ลิซ่า เป็นศิลปินและนักแสดงที่หลายคนรักชื่นชมและให้กำลังใจเยอะมาก
ลิซ่า : เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มานั่งสัมภาษณ์กันแบบตัวต่อตัว

แล้วคุณโตขึ้นมาก ความคิด ประสบการณ์ชีวิต 1 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เป็นศิลปินเดี่ยวได้ลองทุกอย่างเลยเหรอ ?
ลิซ่า : ยุ่งมาก ๆ ค่ะ แทบจะไม่มีเวลาได้นอน คือเวลาได้นอนส่วนใหญ่จะเป็นบนเครื่อง (หัวเราะ) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองสู้มาได้ยังไง แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ใช้ 1 ปีได้คุ้มมาก ๆ ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้แสดงเป็นครั้งแรก แล้วก็ได้เตรียมอัลบั้ม Alter Ego ด้วย

เราจะได้คุยแบบลึกซึ้งกับลิซ่าที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นเรื่องที่อยากจะแบ่งปันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อใครหลาย ๆ คน เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การก้าวผ่านอุปสรรค เพื่อเป็นกำลังใจให้กับลิซ่า พี่วู้ดดี้มีรางวัลให้คือข้าวเหนียวมะม่วงที่อร่อยที่สุดยังคงชอบไหม ?
ลิซ่า : ต้องสั่งทุกครั้งค่ะ คือหนูเป็นคนที่ชอบขนมหวานอยู่แล้ว แล้วพอเรากินอาหารมื้อหนึ่ง มันจะต้องจบที่ขนมหวานตลอด แล้วต้องเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ถึงจะทำให้รู้สึกว่า complete แล้วมื้อนี้

นอกจากข้าวเหนียวมะม่วงชอบขนมอะไรอีก ?
ลิซ่า : ของหวานกินหมดเลยค่ะ ขนมไทยหนูไม่รู้จะเรียกว่าอะไรที่มันเป็นสีเขียวเหมือนใบบัว (ขนมฝักบัว) คุณตาชอบขนมอันนี้มาก แล้วทุกครั้งที่ก่อนจะไปบ้านคุณตา ก็จะไปตลาดแล้วก็จะซื้อขนมอันนี้ไปให้คุณตากิน แล้วหนูก็ชอบแอบกิน มันอร่อยแล้วก็หายาก

เป็นคนที่ชอบทานมาก แต่ดูแลร่างกายได้ดีมาก ระบบเผาผลาญที่ดีหรือว่าคืออะไรที่สามารถทานได้เรื่อยๆ ?
ลิซ่า : จริง ๆ ชอบทานเยอะ แต่ทานแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะหนูเป็นคนอิ่มเร็ว กินนิด ๆ หน่อย ๆ แต่กินตลอดเวลา

ชีวิตคุณมีช่วงไหนที่รู้สึกว่ามันเหนื่อยสุด เพราะทำงานแทบทุกวัน เวลาเหนื่อยทางออกคืออะไร ?
ลิซ่า : นอน ช้อปปิ้ง อยู่กับแมว แต่แมวช่วยได้จริง ๆ นะคะ ช่วยฮีลในแบบที่เราแทบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาช่วยเราอยู่ให้เรามีอารมณ์ดีขึ้น มันแปลกมากเลย เป็นความสัมพันธ์ที่แปลก (หัวเราะ) เขาไม่ได้ทำอะไรมากเลยค่ะ ไม่ได้มาอ้อนหรือมาแง้วๆ ใส่เรา แค่เขาอยู่ข้าง ๆ แค่อยู่ตรงนั้นน่ะ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าโอเค I’m good

แต่น้องก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเพราะเดินทางเยอะ แล้วเจอกันบ่อยไหม ?
ลิซ่า : ก็ไม่ค่อยบ่อยค่ะ แต่ดูรูปให้แม่บ้านส่งรูปน้องมาให้ดู แค่เปิดดู แค่เห็นหน้าเขาว่ายังมีความสุข ยังกิน แล้วก็นอนดี แค่นั้นก็โอเคแล้ว

แล้วเวลาที่พูดกับเขาบอกว่า ?
ลิซ่า : เรียกชื่อเค้าค่ะ ร้องเมี๊ยววว Mommy Mommy

แล้วตัวไหนนะที่ไม่หันมาเลย ?
ลิซ่า : ไม่หันมาเลยน่าจะเป็น Lily เขาจะอยู่ของเขา จะเป็นเจ้าหญิง You call me, I know แต่ไม่หัน (หัวเราะ)

ใน 1 ปีที่ผ่านมาของ ลิซ่า เจอเรื่องราวหลากหลายมาก เหมือนกับการขึ้นรถไฟเหาะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ขนาดไหนในตอนแรก ?
ลิซ่า : ตอนนั้นยอมรับเลยว่าเครียด เหมือนกับมองไม่เห็นอนาคตอันใกล้ แค่เดือนหน้าเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง จะออกมาในรูปแบบไหน มันเป็นอะไรที่ท้าทายเพราะเราไม่เคยเห็นรุ่นพี่คนไหนที่ทำแบบนี้เป็นตัวอย่าง หรืออาจจะมีแต่หนูไม่ทราบ ก็อาจจะไม่ได้พูดคุยกับเขา เลยกลายเป็นแบบว่าเราไม่มีคนที่จะปรึกษา มีแค่ทีมของเรา ต้องเชื่อแค่ทีมเราแล้วก็ลุยแค่นั้น แต่มันเป็นอะไรที่ไม่มีการันตีว่าสิ่งที่กำลังทำมันจะโอเค มันจะเวิร์คใช่ไหมสรุปแล้ว ไม่รู้เลยค่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ก็เลยกลัว และเครียด แล้วเป็นช่วงที่ได้ออดิชั่น The White Lotus พอดี มันเลยกลายเป็นว่าชีวิตเราแบบไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น

แต่เปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น ถึงแม้จะเครียดแต่สิ่งที่สนุกมันคืออะไรตั้งแต่ซิงเกิ้ลแรก ?
ลิซ่า : Rockstar ใช่ไหมคะ จริงๆแล้วไม่ได้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเลยที่หนูจะบินไปทำเพลงที่ Los Angeles เพราะว่าปกติหนูจะทำเพลงที่เกาหลี แล้วก็จะทำกับแค่โปรดิวเซอร์ที่คุ้นเคย แล้วพอเราออกไปยืนอยู่ตรงนั้น เขาแทบจะไม่รู้จักเราเลยด้วยซ้ำ คือเขาไม่เคยทำงานกับเราทุกอย่างมันใหม่มาก ก็เลยค่อนข้างจะช้าใช้เวลานิดหนึ่งที่จะจูนกันติด แล้วก็ค่อยๆ หาทางว่าโอเคดนตรีนี้ที่ฉันอยากทำ ดนตรีนี้คือไม่เอา ใช้เวลามากๆ กว่าจะได้มาเป็นอัลบั้ม Alter Ego

ช่วงที่ทำงานหนักแล้วมันโหลด แล้วก็มีฟีดแบคที่ต้องปรับปรุง ?
ลิซ่า : หนูทำงานหนักมาก เตรียมตัวกับทุกๆโชว์แบบเต็มที่สุดๆ แต่ก็จะมีคอมเมนต์ หรือ Reaction ที่ในเชิงลบ คือหนูโอเค คุณอาจจะไม่ชอบก็ได้ คือมันยากที่จะทำให้ทุกคนชอบ เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราทำเต็มที่แล้ว เราภูมิใจ มีบางคอมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกบั่นทอนจิตใจ ว่านี่เราทำไม่ดี ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้เหรอ เขายังมองว่าเรายังบกพร่องตรงนี้ หนูเป็นคนที่รับทุกคอมเมนต์และคิดตามว่ามันใช่อย่างที่เขาบอกหรือเปล่า

ทำไมถึงยอมเปิดให้ตัวเองเข้าไปอ่าน ที่ผ่านมา 10 ปีในชีวิตก็คงเจอกับเรื่องนี้มาอยู่แล้ว แต่ทำไมครั้งนี้ถึงตัดสินใจเปิดให้มันมีพื้นที่ในสมองคุณ ?
ลิซ่า : เอาจริงๆ คืออยากรู้ฟีดแบคค่ะ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำ แล้วมันเป็นการทำเดี่ยวครั้งแรก แล้วเราเป็นคนบริหารเอง ก็ต้องดูคอมเมนต์ ดู Reaction ดูทุกอย่างว่างานเราครั้งแรกเขาโอเคกันไหม เพื่อหนูจะได้เอาไปปรับปรุงสำหรับงานโชว์หน้า เลยเปิดเข้าไปดูแต่ไม่คิดว่ามันจะหนักขึ้นทุกๆ โชว์

วันนี้สามารถที่จะอยู่กับมันได้ง่ายขึ้นไหม ได้เรียนรู้อะไรจากการอ่านคอมเมนต์ ?
ลิซ่า : จริง ๆ ก็มีนอยด์บ้าง แต่หนูรู้สึกว่าเขาไม่รู้หรอกว่ามันหนัก มันเครียด กดดันหลายอย่าง

ความมั่นใจอยู่ในระดับไหน เริ่มชินหรือยัง ?
ลิซ่า : เริ่มชินแล้วค่ะ เริ่มรู้สึกสบายใจในตัวเองอยู่บนเวทีคนเดียว แต่ว่าต้องพัฒนาการพูดอีกเยอะ มันเขินไมค์ (หัวเราะ) แล้วยิ่งช่วงนี้ทำงานต่างประเทศเยอะเราต้องพูดภาษาอังกฤษ คือมันไม่ใช่ภาษาแรกของเรา แล้วหนูไปโตที่เกาหลี ยิ่งไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย

อยากรู้ว่าการถ่ายภาพกับศิลปินเป็นยังไง ถ้าอยู่ในที่สาธารณะแล้วคุณไม่แต่งหน้ามั่นใจเบอร์ไหน ?
ลิซ่า : ก็ไม่ค่อยมั่นใจค่ะ คือโอเคกับหน้าสดแต่ก็ไม่ได้แบบว่าโอเคถ่ายเซลฟี่กันอันนี้คุณอัพโหลดได้เลยนะ ถ้ามาขอถ่ายรูปดีๆ หนูโอเคมากเลยนะคะ แต่ถ้าเกิดว่าวันนั้นหนูไม่ไหวจริงๆ ก็จะบอกตรงๆ เลยว่าขอโทษนะคะวันนี้ไม่ได้แต่งหน้ามาเลย หรือขอโทษนะคะขอเติมลิปสติกหน่อย คือจริงๆทุกคนอยากดูดีไม่มีใครที่อยากโดนถ่ายรูปไปแบบหน้าเหวออยู่ (หัวเราะ) คือหนูแต่งหน้าเยอะมากๆ พอเวลาได้พักก็อยากพักจริงๆ ก็กลายเป็นว่าไม่แต่งหน้าไปเลย

มีเรื่องอะไรในรอบ 10 ปีที่สามารถเล่าได้ เกี่ยวกับตัวลิซ่าเองที่ทำให้รู้สึกวิตกกังวลที่สุด ?
ลิซ่า : หนูไม่เคยเล่าที่ไหนเลย ปีที่แล้วน่าจะใช่ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เผชิญกับตัวเอง คือได้ยินเรื่องนี้จากเพื่อนคนอื่นๆ ที่เป็นไอดอลมาเยอะแต่ส่วนมากจะเป็นเพื่อนผู้ชายที่เล่าให้ฟัง เพิ่งจะเคยเจอกับตัวเอง เพิ่งจะมีซาแซงเป็นครั้งแรกปีที่แล้วค่ะ ซึ่งหนูอยู่เกาหลีคนเดียวคือที่บ้านกำแพงไม่ได้สูงอะไรมาก เป็นบ้านที่อยู่คนเดียวก็จะมีแมวๆคอยอยู่เป็นเพื่อน มีครั้งหนึ่งปกติแล้วเวลาหนูมาที่เกาหลีก็จะมีแฟนๆมารอรับที่สนามบิน อันนั้นเป็นเรื่องปกติแล้วหนูดีใจมากที่พวกเขามารอรับ เราก็คิดถึงเขา แต่พอหนูถึงบ้านก็เห็นมีคนรออยู่ ก็บอกว่าถ้าจะมาหาแบบนี้หนูไม่สะดวกใจนะคะ แต่ว่าถ้าจะมาก็ไปที่เจอกันแบบปกติดีไหม มาถึงบ้านไม่สะดวกจริงๆ แล้วมาตอนกลางคืนด้วย คือเราดู CCTV แล้วไม่กล้าออกจากบ้าน ก็เลยกลายเป็นว่าเริ่มกังวลแล้ว มีครั้งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกกลัวสุดๆ ก็คือเดินออกจากบ้านเพื่อที่จะนั่งแท็กซี่ไปซ้อมเต้น เหมือนวันนั้นผู้จัดการมาไม่ได้ก็เลยไปเอง เขาพยายามจะขึ้นแท็กซี่มาด้วย คือเอาขาสอดเข้าไปตรงประตู เป็นอะไรที่เราไม่เคยเจอมาก่อนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง แล้วเราก็กลัวที่เขาประชั้นชิดตัวเกินไปค่ะ ไม่กล้าอยู่คนเดียว รู้สึกไม่ปลอดภัย คือเป็นช่วงหนึ่งเลยที่ต้องให้พี่ผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อน

ได้บอกแม่เรื่องนี้ไหม ว่ายังไงบ้าง ?
ลิซ่า : บอกค่ะ เราทำอะไรไม่ได้ก็เลยขอให้ผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงอยู่ด้วย และไม่ใช่แค่ที่บ้านในเกาหลีเท่านั้นมันรวมถึงบ้านใน LA ด้วย

หลังจากนี้จะจัดการยังไงเตรียมรับมือยังไงได้บ้าง ได้คุยกับทีมงานหรือใครไหม ?
ลิซ่า : ก็พยายามจะไม่อยู่คนเดียวค่ะ แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมานอนด้วยกับหนูทุกคืนขนาดนั้น ก็ต้องมีบางคืนที่พี่เขาต้องกลับบ้าน ยังหาทางเบาลงไม่ได้ หนูก็ยังเครียดอยู่เหมือนกันว่าควรจะทำยังไงดี เริ่มเป็นห่วงตัวเอง กังวลมากขึ้น เพราะฉะนั้นเวลามีใครมาทัก มาแอบถ่าย เลยทำให้รู้สึกเขาจะทำอะไรเราหรือเปล่า คือหนูรู้ว่าแฟนๆ หนูน่ารักมากๆ เขาจะให้พื้นที่เราแล้วเขาจะคอยถามไถ่เป็นเรื่องปกติ แต่พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลยทำให้เราระแวง แต่เราก็จะรู้จำหน้าแฟนๆของเราได้ พี่คนนี้ พี่คนนั้น แต่ถ้าเป็นใครไม่รู้จากไหนอยู่ดีๆ มาเราจะมีการ์ดขึ้นมาเลย เคยโดนประชั้นชิดเกินไปจนรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย

บทบาทการเป็นนักแสดงหลายคนอาจไม่รู้ว่า Audition ?
ลิซ่า : ใช่ค่ะ ทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ แล้วมันเป็นฮอลลีวูดที่แบบไม่ใช่ใครจะเล่นง่าย ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไงมันทั้งดีใจ มันทั้งไม่น่าเชื่อว่าเราจะผ่าน เพราะเราไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านการแสดงมาเลย ทั้งชีวิตนี้หนูเต้น ร้องเพลง ขึ้นเวทีอย่างเดียว แต่พอต้องมาอยู่ในบทบาทหนึ่งที่ไม่เคยลองมาก่อนเป็นอะไรที่มันท้าทาย มันยาก อย่างน้อยเราได้ลอง แล้วเราสนุก จากลิซ่าที่เป็นนักร้องจะต้องมาเป็นมุกเด็กชาวเกาะ (หัวเราะ ) เป็นคนพื้นที่ สนุกมากค่ะ

ภาพในอนาคต ?
ลิซ่า : หนูไม่ค่อยแพลนล่วงหน้าค่ะ ตอนนี้ Schedule ปี 2025 เต็มหมดแล้ว เอาอันนี้ให้มันรอดก่อน (หัวเราะ) หนูเป็นคนที่ไม่ได้คิดว่าอีก 3-5 ปีเราจะเป็นยังไง เพราะมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ค่อยอยากวาดฝันว่าฉันจะต้องทำอย่างนี้ๆ เอาปีนี้ให้รอดก่อน

มีอะไรอยากจะบอกแฟนๆ ทั่วโลก ?
ลิซ่า : คือเรื่องที่เราพูดกันวันนี้มันมาจากใจ แล้วหนูไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ขอบคุณที่ทุกคนรับฟังนะคะ แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้ลิซ่ามาตลอด ฝาก Alter Ego ด้วยนะคะ เป็นอัลบั้มที่ลิซ่าตั้งใจทำจริงๆ หวังว่าทุกคนจะชอบ แล้วก็ The White Lotus เป็นการแสดงครั้งแรกของลิซ่าหวังว่าทุกคนจะชอบน้องมุกนะคะ

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

 

แฟนญี่ปุ่นโวย! ช็อตเบื้องหลัง LISA กับ เคนทาโร่ ใกล้ชิดกันเกินเหตุ

แฟนญี่ปุ่นโวย! ช็อตเบื้องหลัง LISA กับ เคนทาโร่ ใกล้ชิดกันเกินเหตุ

ดราม่าร้อนแรง! ช็อตเบื้องหลัง LISA และ เคนทาโร่ ซากางุจิ ใกล้ชิดกันใน MV Dream กลายเป็นประเด็นที่ แฟนต่างชาติชม แต่แฟนญี่ปุ่นโวย

LISA ปล่อยหนังสั้น \

LISA ปล่อยหนังสั้น "Dream" ประกบคู่ เคนทาโร่ เคมีละมุนสุดซึ้งทำเสียน้ำตา

LISA สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง! ปล่อยภาพยนตร์สั้น “Dream” ประกบพระเอกญี่ปุ่นสุดฮอต เคนทาโร่ ซากางุจิ (Kentaro Sakaguchi) ถ่ายทอดเรื่องราวรักและการสูญเสียอย่างลึกซึ้ง พร้อมโชว์มุมการแสดงที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน