.jpg)
ลูกสาว 6 ขวบ เจอ "ตัวตลก" หน้าโรงเรียน แม่แทบช็อกเมื่อรู้ว่าคือใคร รีบขอย้ายหนี
ลูกสาววัย 6 ขวบ เล่าเรื่องเจ้า "ตัวตลก" แม่ผวาเมื่อรู้ว่าคือใคร รีบทำเรื่องขอย้ายโรงเรียน สิ่งที่กลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว!
หญิงวัย 32 ปี จากเมืองฝูเจี้ยน ประเทศจีน โพสต์ความกังวลและความกลัวลงบน Xiaohongshu หวังขอคำแนะนำจากชาวเน็ต เรื่องราวของลูกสาววัย 6 ขวบและอดีตของเธอสร้างความฮือฮาไม่น้อย
"ฉันถึงกับต้องลางานเพราะกังวลและเครียดหนัก ฉันไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ เพราะฉันพยายามฝังมันไว้ในใจมาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันต้องได้รับการแก้ไข ไม่เช่นนั้นชีวิตแต่งงานของฉันอาจพัง ลูกสาวตัวน้อยของฉันอาจตกอยู่ในอันตราย และภาพลักษณ์ที่ฉันสร้างมานานอาจพังทลายลงในพริบตา
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องสร้างบัญชีใหม่ ปกปิดตัวตน และขอคำแนะนำจากทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด" หญิงสาวเริ่มเล่า
เรื่องราวเริ่มต้นในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันนั่งอยู่กับลูกสาวในห้องนั่งเล่น ลูกบ่นปวดฟันตั้งแต่กัดแอปเปิลคำแรก ฉันแปลกใจมาก เพราะเพิ่งพาเธอไปตรวจฟันเมื่อเดือนก่อน หมอสั่งห้ามกินของหวาน และฉันก็คุมเข้มไม่ให้เธอแตะต้องมันเลย
แต่แล้ว ลูกก็เล่าให้ฟังว่า มีตัวตลกคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโรงเรียน แจกขนมให้เด็กๆ เห็นเพื่อนๆ กินกัน เธอจึงกินด้วย ฉันดุเธอ และกำชับว่าห้ามรับขนมจากคนแปลกหน้าอีก ถ้าจะรับก็ต้องแบ่งเพื่อนๆ ด้วย แต่เธอกลับพูดต่อว่า "แต่หนูได้เยอะกว่าคนอื่นนะ! เขายังถามชื่อหนู ทักทายหนูด้วย บางวันให้ขนมเสร็จ เขายังกอดหนู แล้วถามว่าวันนี้เรียนอะไร ใครมารับหนูกลับบ้าน"
คำพูดของลูกทำให้ฉันตกตะลึง ทำไมตัวตลกที่หน้าโรงเรียนถึงสนใจลูกฉันขนาดนี้? แล้วยังกล้ากอดเธออีก? ฉันสับสน คิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปว่าให้เธออยู่ห่างๆ หรือสงสัยว่าชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี หรือฉันแค่ระแวงไปเอง
โดยปกติลูกสาวฉันเลิกเรียนระหว่าง 16.30 - 18.00 น. ขึ้นอยู่กับว่ามีเรียนพิเศษหรือร่วมกิจกรรมหรือไม่ และตัวตลกคนนั้นจะมายืนอยู่หน้าโรงเรียนตอน 17.00 น. ขายลูกอม ลูกโป่ง ฯลฯ ฉันกับสามีทำงานยุ่ง จึงมักให้คุณย่า น้า หรือแม่บ้านไปรับลูก ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ
ฉันครุ่นคิดเรื่องนี้ซ้ำไปมา จนกระทั่งวันพุธ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ฉันตัดสินใจลางานกลับไปรับลูกเอง ฉันจอดรถห่างออกไป แอบสังเกตตัวตลกคนนั้น
ตอนแรกทุกอย่างดูปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต แต่ทันทีที่ลูกสาวฉันวิ่งออกมา บรรยากาศกลับเปลี่ยนไป ตัวตลกคนนั้นดูให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ ยื่นขนมให้มากมายโดยไม่คิดเงินสักบาท
แปลกเกินไป! ฉันคิดจะขับรถเข้าไปทักทาย ดูว่าเขาเป็นคนรู้จักหรือไม่ หรืออย่างน้อยก็เตือนให้เขาระวังพฤติกรรมของตัวเอง แต่พอฉันขยับเข้าใกล้ ตัวตลกคนนั้นกลับรีบเดินเลี่ยงไปทันที แม้แต่คำทักทายของฉัน เขาก็ไม่ยอมตอบ
ความจริงถูกเปิดเผย แม่รีบขอย้ายโรงเรียน แต่ความหวาดกลัวยังไม่จางหาย
วันต่อมา ฉันลางานทั้งวัน ไปที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่ 16.00 น. แต่ไม่ได้เข้าไปรับลูก ฉันยืนรอจนกระทั่ง 19.00 น. ตอนที่ตัวตลกเลิกงาน แอบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ แล้วฉันก็ได้เห็นบางอย่างที่ทำให้ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง เขาดึงหน้ากากออก
นั่นคือคนรักเก่าของฉัน เราไม่ได้เจอกันมานานกว่า 6 ปี ฉันเกลียดเขาเหลือเกิน และไม่มีวันลืมใบหน้านั้น ใบหน้าของคนที่ทอดทิ้งฉันกับลูก เมื่อรู้ว่าฉันท้อง
ในตอนนั้น ฉันอายุ 25 ปี เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานได้ไม่นาน เราคบกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยกว่า 2 ปี แต่เมื่อฉันบอกข่าวการตั้งครรภ์ เขากลับปฏิเสธทุกอย่าง บอกให้ฉันเอาเด็กออก ถ้ายังรักกันต่อก็ต้องทำตาม แต่ถ้าไม่ ก็เลิกกันไป
ย้อนคิดถึงตอนนั้น ฉันโกรธตัวเองเหลือเกิน ฉันตัดสินใจเดินออกจากชีวิตเขาและเลือกเก็บลูกไว้ จากนั้นย้ายไปอยู่เมืองใหม่ ตัดขาดจากอดีต เพราะกลัวคำซุบซิบนินทา
กระทั่ง 4 ปีต่อมา ฉันถึงกล้าเปิดเผยเรื่องลูกในโซเชียล แต่โกหกว่าคือ "ลูกบุญธรรม"
ฉันสร้างเรื่องขึ้นมาว่า ลูกสาวเป็นลูกของเพื่อนสนิทที่จากไป และฉันรับเลี้ยงแทน ในที่แห่งใหม่ ฉันกลายเป็นคนที่ดูดีในสายตาคนอื่น ทั้งสวย เก่ง และจิตใจดี ยอมอุปการะลูกของเพื่อนทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน ฉันรู้ว่ามันผิด ฉันไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองเลยด้วยซ้ำ
พบรักใหม่ แต่วังวนในอดีตยังตามหลอกหลอน
วันหนึ่งในการพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจ ฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาอายุมากกว่าฉัน 5 ปี ผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ได้ยินมาว่าอดีตภรรยาของเขานอกใจจึงต้องหย่าร้าง
เมื่อศึกษาดูใจกัน ฉันพบว่าเขาเป็นคนอบอุ่น จริงใจ และมั่นคงในชีวิต เราจึงตัดสินใจแต่งงาน ครอบครัวสามีเองก็รับรู้ว่าฉันมีลูกติด แต่พวกเขาเชื่อว่านั่นเป็นลูกบุญธรรมที่ฉันรับเลี้ยง ทุกคนรักและเอ็นดูเธอมาก ฉันรู้สึกขอบคุณเสมอสำหรับสิ่งนี้
เราพึ่งแต่งงานกันได้เกือบปี และกำลังวางแผนมีลูกด้วยกันในปีหน้า แต่แล้วอดีตที่ฉันพยายามฝังกลบก็หวนคืนมา ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขาตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? เขารู้ได้ยังไงว่าโรงเรียนของลูกอยู่ที่ไหน และที่สำคัญ เขารู้ได้อย่างไรว่านี่คือลูกของเขา? ฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด แม้แต่พ่อแม่ของฉันก็ยังไม่เคยรู้
ควรทำอย่างไรดี? ควรย้ายโรงเรียนให้ลูกไหม? แล้วจะให้เหตุผลว่าอะไร?
หลังจากโพสต์เรื่องราวลง Xiaohongshu หลายคนเห็นด้วยว่าควรย้ายโรงเรียน หญิงสาวเจ้าของเรื่องจึงตัดสินใจใช้เหตุผลว่าอยากให้ลูกเรียนที่ดีกว่า และย้ายไปโรงเรียนเอกชนที่มีค่าเทอมแพงขึ้น ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ใครมายืนขายของหน้าโรงเรียน เธอยังจ้างคนรับส่งลูกโดยตรงภายในบริเวณโรงเรียน ห้ามเด็กออกไปข้างนอกเด็ดขาด
ในโพสต์ที่สอง เธอเผยถึงความกังวลที่ยังคงตามหลอกหลอน เธอกลัวว่าอดีตคนรักจะหาทางเจอเธออีก กลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผย
"ฉันจะต้องสูญเสียความสุขที่เพิ่งมีได้แค่ปีเดียวหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงกลับมาหาฉัน? เขาต้องการอะไร? แค่คิดถึงการเผชิญหน้ากับเขา ฉันก็หวาดกลัวไปหมด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงไม่กังวลขนาดนี้ เพราะฉันเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และคนรอบตัวก็เข้าใจฉันหมด แต่ตอนนี้ ฉันมีครอบครัวใหม่แล้ว และฉันยังโกหกเรื่องสำคัญ เรื่องของลูกสาว ฉันกลัวว่าสามีและครอบครัวสามีจะผิดหวังในตัวฉัน กลัวว่าลูกจะโกรธที่แม่เคยปิดบังเรื่องพ่อแท้ๆ ของเธอ
ฉันเหนื่อยเหลือเกิน หรือว่าบางทีเขาอาจจะอยากแย่งลูกไปจากฉัน?
ฉันกังวลจนถึงขั้นเป็นลมเมื่อวานนี้ ทุกวันฉันกลัวว่าการตั้งท้องโดยไม่มีสามีจะกลายเป็นเรื่องอัปยศที่ทำให้ครอบครัวใหม่ของฉันต้องขายหน้า ถูกสังคมรังเกียจ..."
คำพูดของเธอทำให้ชาวเน็ตมากมายออกมาให้คำแนะนำ หลายคนบอกว่าเธอควรเผชิญหน้ากับอดีตคนรัก และ ต้องไม่ปิดบังครอบครัวสามี เพราะความลับนี้อาจทำให้เธอกลายเป็นคนผิดโดยสมบูรณ์ และเป็นอันตรายต่อลูกสาวของเธอเอง
- "อย่าปิดบังอะไรอีกเลย ต่อให้ย้ายโรงเรียน เขาก็หาเจออยู่ดี พูดความจริงเถอะ"
- "น่ากลัวจริงๆ ห้ามทำให้เด็กลำบากไปกว่านี้ คุณควรบอกสามีก่อน เชื่อฉันเถอะ ถ้าเขารักคุณจริง เขาจะให้อภัย"
- "คุณควรนัดพบแล้วเคลียร์กับเขาให้จบเรื่อง"