"จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง" ยกมือไหว้ทั้งน้ำตา ขอโทษ "พี่จูน" ขอโทษทุกคน "หนูยอมแพ้แล้ว"
หลังจากเมื่อวานนี้ รายการโหนกระแสได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่กำลังร้อนแรงในโลกโซเชียล ซึ่งเป็นเรื่องราวของอดีตสามีที่ออกมากล่าวหาอดีตภรรยาซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังว่า นอกใจไปมีความสัมพันธ์กับนักร้องชื่อดัง ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง โดยอดีตสามีเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมดเมื่อเป็นข่าวขึ้นมา
นอกจากนี้ อดีตสามียังอ้างว่าเขาถูกหลอกให้เซ็นใบหย่า แต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์และอาศัยอยู่ร่วมกับอดีตภรรยา ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดที่หามาได้ร่วมกันก็อยู่ในชื่อของอดีตภรรยา แต่กลับถูกนำไปมอบให้นักร้องชื่อดัง และที่เจ็บปวดที่สุดคือ อดีตสามีถูกห้ามไม่ให้กลับเข้าไปในบ้าน ทั้งๆ ที่บ้านหลังนั้นเขาก็ถือว่าเป็นเจ้าของด้วย ต่อมาเพจอีซ้อฯ ได้อัปเดตจากฝั่งของฝ่ายหญิง คือ CEO สาวคนดัง “จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง” ซึ่งได้โพสต์ว่าได้เข้าแจ้งความต่ออดีตสามี หลังจากที่เขาออกมาเปิดเผยเรื่อง ‘ความสัมพันธ์รักร้าว’ โดยเธอได้กล่าวว่า “ทำอะไรอยากให้คิดถึงลูก อย่าเอาแค่สะใจ...”
ล่าสุด วันนี้เป็นโอกาสของ “จ๊ะโอ๋” ที่ได้ออกมาชี้แจงในมุมมองของเธอ หลังจากที่อดีตสามีได้ไปออกรายการโหนกระแสแล้ว
เมื่อเริ่มต้นรายการในช่วงแรก เธอได้พูดถึงความสัมพันธ์กับ “ตั้ม” อดีตสามี โดยเล่าว่าคบหากันไม่นานเธอก็ท้องลูกกับเขา แต่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ แค่ 6 ปี และหลังจากปี 2560 ทั้งสองก็แยกห้องนอนกัน แม้จะอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ก็ใช้ชีวิตแยกจากกันโดยที่ยังไม่ได้หย่าร้างอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งปี 2566 เมื่อมีข่าวดังกับนักร้องเกิดขึ้น จึงได้เซ็นใบหย่าอย่างเป็นทางการ
จ๊ะโอ๋อธิบายถึงเหตุผลหลักที่ทำให้เธอตัดสินใจไม่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับเขาต่อไป นั่นเป็นเพราะเขามีธุรกิจสีเทา และเคยมีตำรวจบุกเข้าจับกุมถึงในบ้าน ขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ เธอรับไม่ได้ เพราะคิดถึงลูกที่กำลังจะเกิดมา และไม่ต้องการให้ลูกต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนั้น หรือได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของเขา จึงตัดสินใจเลิกรา
ช่วงหลังๆ ก่อนจะมีข่าวกับนักร้อง จ๊ะโอ๋เล่าว่าเธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอไม่รักเขาอีกต่อไป และพยายามแยกห้องนอนกันอยู่ ชีวิตประจำวันแทบจะไม่ข้องเกี่ยวกัน แต่เมื่อเธอบอกว่าไม่รักเขาแล้ว เขากลับตอบว่า “พี่ไม่เชื่อหรอก พี่จะกรีดหัวใจหนูออกมาดู ว่าในนั้นยังมีพี่อยู่”
จ๊ะโอ๋ก็ตอบกลับไปว่า “ต่อให้พี่กรีดออกมา ก็ไม่เจอหัวใจหนูหรอก เพราะหัวใจของหนู มันไปอยู่ที่ ‘พี่หนุ่ม’ (นักร้อง) แล้ว”
ช็อตนี้ทำเอาครูพี่หน่วงถึงกับนิ่งไป ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และถามว่าเธอพูดแบบนี้กับเขาจริงๆ เหรอ จ๊ะโอ๋ก็ยืนยันว่าเธอพูดจริง
เมื่อถูกถามว่าเธอไม่กลัวหรือที่มาออกรายการแล้วพูดอะไรแบบนี้ และคิดบ้างไหมว่ากระแสสังคมอาจจะไม่เชื่อหรือยังคงด่าเธออยู่ จ๊ะโอ๋ยืนยันว่าถ้าจะมีคนด่าก็ต้องยอมรับ เพราะเธอทำผิดมาก่อน ยอมรับว่าครั้งหนึ่งเธอเคยทำเรื่องที่ผิดกับครอบครัวของ หนุ่ม กะลา และ จูน เพ็ญชุลี ซึ่งการออกมาพูดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้กล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการ
เธอยังกล่าวอีกว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และมีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบไปด้วย เป็นเพราะความผิดของเธอเองที่ไปเป็นมือที่สามของใคร จนกลายเป็นตราบาปในชีวิตที่ทำให้คนอื่นไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ส่วนเรื่องของ ตั้ม ก็เป็นความผิดของเธอที่ไม่ชัดเจนพอ อาจจะเป็นการกระทำต่างๆ ที่ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอยังรักเขาอยู่ จนทำให้เรื่องราวบานปลายมาถึงทุกวันนี้
หลังจากนี้ เธอไม่รู้ว่า พี่หนุ่ม (นักร้อง) จะทำอย่างไรกับเธอต่อไป เพราะเรื่องต่างๆ ก็ทำให้เขาได้รับผลกระทบเช่นกัน สำหรับเรื่องคดีความ เธอไม่ได้ยื่นสู้คดีต่อแล้ว และยอมให้คดีเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด พร้อมที่จะจ่ายค่าเสียหายให้กับ คุณจูน
สุดท้าย จ๊ะโอ๋กล่าวทั้งน้ำตาว่า “หนูยอมแพ้ค่ะพี่ หนูยอมเอง เพราะหนูไม่รู้ว่าหนูสู้ไป หนูชนะแล้วหนูได้อะไร พี่ตั้มชนะ แล้วได้อะไร หนูไม่กลัวกับสิ่งที่เขาจะทำ ก็ให้เขาทำ เขาจะคอมพลีทในสิ่งที่เขาอยากทำ อยากทำให้ชีวิตหนูพัง เขาอยากมาออกโหนกระแส วันนี้พี่ทำสำเร็จแล้วนะพี่ตั้ม ถ้าวันนี้จะไม่มีใครมาซื้อของ มีแต่คนเกลียด หนูก็จะดิ้นรนต่อไป หนูเคยอยู่ในจุดนั้นมาก่อน เคยจนมาก่อน หนูจะไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก
หนูขอโทษทุกคน ขอโทษสังคม หนูไม่ดีเอง หนูยอมรับ ขอโทษพี่หนุ่ม ของโทษครอบครัวของพี่หนุ่ม ขอโทษครอบครัวของโอ๋เอง แล้วก็ขอโทษพี่จูนด้วยนะคะ หนูผิดค่ะพี่ หนูขอโทษ"
