(2).jpg)
ลูกเมียช็อกสุดขีด นักธุรกิจทำพินัยกรรมยกมรดกให้เลขา รู้เบื้องลึกมีแต่คนสมน้ำหน้า
เปิดเบื้องหลังสุดดำมืด เผยเหตุผลที่นักธุรกิจทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สมบัติให้เลขา ลูกเมียยื่นฟ้องเรียกร้องมรดก แต่คำตัดสินศาลไม่พลิก
เว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของ นักธุรกิจชาวจีนรายหนึ่งที่ปฏิเสธจะมอบมรดกให้ภรรยาและลูก หลังพบความลับที่สะเทือนใจ
นายเฉิน จากเฉิงตู ประเทศจีน ทราบว่า ตนเองป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายในวัย 60 ปี เขาเป็นเจ้าของโรงงานชื่อดังในท้องถิ่นและมีทรัพย์สินมากมาย ด้วยรู้ว่าชีวิตเหลือเวลาไม่มาก เขาจึงตัดสินใจทำพินัยกรรมเพื่อดูแลอนาคตของภรรยาและลูกชาย
แต่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล นายเฉินกลับพบความจริงที่น่าตกตะลึง ภรรยาของเขานอกใจมานานหลายปี และผลตรวจ DNA ยังยืนยันว่า "ลูกชาย" ไม่ใช่สายเลือดของเขา
แม้หัวใจจะเจ็บปวดจากการถูกทรยศ แต่นายเฉินไม่มีเรี่ยวแรงจะเผชิญหน้าหรือโต้เถียงกับภรรยา เขาจึงติดต่อเพื่อนที่เป็นทนายความเพื่อแก้ไขพินัยกรรม โดยตัดสินใจมอบโรงงานให้กับเลขาส่วนตัว ซึ่งเป็นผู้เดียวที่เขาเชื่อมั่นว่ามีความสามารถในการบริหารกิจการ เนื่องจากเธออยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเขามาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงงาน
ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ เขาตั้งใจขายเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือญาติที่ยากลำบากในบ้านเกิด และบริจาคเพื่อการกุศล พินัยกรรมฉบับใหม่นี้ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และทั้งหมดถูกดำเนินการอย่างเงียบเชียบ โดยที่ภรรยาไม่เคยล่วงรู้เรื่องนี้เลย
ไม่ถึง 1 เดือนหลังจากพินัยกรรมได้รับการรับรอง นายเฉินก็จากไปอย่างสงบ หลังพิธีศพ เพื่อนที่เป็นทนายได้ประกาศพินัยกรรมต่อหน้าครอบครัวของเขา
นางเฉินถึงกับช็อก เมื่อพบว่าตัวเองและลูกชายไม่มีรายชื่อในพินัยกรรมเลย เธอปฏิเสธที่จะยอมรับ และโต้แย้งว่าพินัยกรรมฉบับนี้ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากช่วงเวลานั้นนายเฉินกำลังป่วยหนัก นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และอาจไม่มีความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกต้อง
นางเฉินตัดสินใจฟ้องเลขาของสามีเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนพินัยกรรมและแบ่งมรดกใหม่ โดยอ้างว่าสามีของเธอจัดทำพินัยกรรมเพียง 20 วันก่อนเสียชีวิต และก่อนหน้านั้นเขาป่วยหนักจนหมดสติ อาจไม่มีสติสัมปชัญญะในการตัดสินใจ อีกทั้งตามกฎหมายแพ่ง ภรรยาและบุตรเป็นทายาทลำดับแรก จึงควรได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ บริษัท และเงินมูลค่าหลายสิบล้านหยวนที่นายเฉินทิ้งไว้
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกฎหมายของครอบครัวนายเฉินโต้แย้ง โดยชี้ให้เห็นว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่นายเฉินมอบให้เลขานั้นเป็นทรัพย์สินที่เขาสะสมมาก่อนแต่งงาน และจดทะเบียนในชื่อของเขาเพียงผู้เดียว เขาจึงมีสิทธิ์จัดสรรได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ พินัยกรรมดังกล่าวได้รับการรับรองโดยเจ้าหน้าที่รับรองเอกสาร ซึ่งยืนยันว่าขณะนั้นนายเฉินยังมีสติสัมปชัญญะ และมีความสามารถทางกฎหมายในการตัดสินใจ ดังนั้นพินัยกรรมจึงมีผลสมบูรณ์ หากนางเฉินต้องการโต้แย้ง จำเป็นต้องแสดงหลักฐานที่หนักแน่นกว่านี้
กฎหมายและคำตัดสินของศาล
ตามประมวลกฎหมายแพ่งของจีน หลักเกณฑ์การสืบทอดมรดกโดยทายาทตามลำดับ จะมีผลเฉพาะกรณีที่ผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำพินัยกรรม หรือพินัยกรรมที่จัดทำขึ้นไม่มีผลทางกฎหมาย แต่ในกรณีนี้นายเฉินได้ทำพินัยกรรมโดยชอบด้วยกฎหมาย กำหนดให้เลขาเป็นผู้รับมรดกและผู้ดำเนินการตามพินัยกรรม
หลังจากพิจารณาหลักฐาน ศาลยืนยันว่าพินัยกรรมของนายเฉินมีผลทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์ และตัดสินให้แม่ลูกตระกูลเฉินไม่มีสิทธิ์รับมรดกของผู้ล่วงลับ นางเฉินพยายามยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลปฏิเสธและยืนตามคำตัดสินเดิม
คดีนี้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย หลายคนมองว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่คดีมรดก แต่เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตคู่ของนายเฉิน ชายที่สร้างฐานะจากศูนย์ แต่สุดท้ายกลับพบความจริงอันโหดร้าย ว่าภรรยานอกใจและลูกชายที่เลี้ยงดูมาตลอดชีวิตไม่ใช่สายเลือดของตน ครอบครัวที่เคยเป็นทุกสิ่งสำหรับเขา กลับพังทลายเพราะความหลอกลวงและการแย่งชิงสมบัติ