-2.jpg)
พิกัดล่องเรือดูวาฬบรูด้า พี่ใหญ่แห่งท้องทะเลไทย แบบ Exclusive
ล่องเรือชมวาฬบรูด้า พี่ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลอ่าวไทย และอันดามัน เป็นกิจกรรม Must Try ที่ชวนประทับใจ ยิ่งถ้าไปถูกช่วงฤดูกาล มีโอกาสพบเจอวาฬบรูด้าโผล่หัวพ้นน้ำ อ้าปากกว้างงับปลาเล็กปลาน้อย รับรองว่าจะเป็นทริปสร้าง Grand Moment ที่น่าประทับใจอย่างแน่อน
Did You Know
- วาฬบรูด้า แพร่กระจายทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งประมาณ 4-30 กิโลเมตร ในฝั่งอันดามันสามารถพบเจอได้บ้างในบางฤดู บริเวณเกาะสุรินทร์ จ.พังงา และจ.ภูเก็ต ส่วนฝั่งอ่าวไทยสามารถพบได้ตลอดทั้งปี ทั้งในทะเลอ่าวไทยตอนบน และอ่าวไทยตอนล่าง
- Trap Feeding หรือการอ้าปากกินปลาแบบกับดัก เป็นพฤติกรรมการหาอาหารของวาฬบรูด้า
- การล่องเรือชมวาฬบรูด้า ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด

1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
อุทยานกลางทะเลที่พบเห็นวาฬบรูด้าขึ้นมาดำพุดดำว่ายที่ผิวน้ำได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะช่วงต้นปีเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม บริเวณเกาะโลนบาน เกาะแปยัด และเกาะหินแตก นักท่องเที่ยวที่มาในช่วงนี้ โชคดีอาจมีโอกาสได้พบเจอวาฬพี่ใหญ่ใจดีเปอร์เซ็นต์สูง
ฤดูเปิดการท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ธันวาคม - ตุลาคม
การเดินทาง : สามารถเดินทางเกาะสมุย และเกาะพะงัน ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
Facebook : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง - Mu Ko Ang Thong National park

2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา
พื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันที่มีการขึ้นลงของน้ำวันละ 4 ครั้ง ในระดับสูงสุดและต่ำสุดต่างกันถึง 3 เมตร ทำให้กระแสน้ำเลียบฝั่งหมุนเวียนรวดเร็วและแรง เกิดการมีการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพใต้ท้องทะเลที่หลากหลาย นอกจากปลาเล็กๆ สวยงามในกลุ่มปะการัง ยังมีโอกาสพบฉลามวาฬ เต่าทะเลขนาดใหญ่ 4 สายพันธุ์ รวมถึงวาฬโอมูระ และวาฬบรูด้าที่เพิ่งจะออกมาอวดโฉมให้เห็นไปเมื่อต้นปี
ฤดูเปิดการท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ตุลาคม - พฤษภาคม
การเดินทาง : ใช้เวลาเดินทางโดยเรือสปีดโบ้ตจากท่าเรือคุระบุรี ประมาณ 1.30 ชั่วโมง
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา
Facebook : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ - Mu Ko Surin National Park
3.แหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
จุดที่จะได้เห็นโคลนก้อนสุดท้าย และทรายเม็ดแรกของเพชรบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทั้งป่าฝั่งชายเลน และทะเลฝั่งที่เป็นหาดทราย โดยแบ่งแยก 2 ฝั่งขนานกันอย่างชัดเจน หากได้มาล่องเรือไปดูวาฬบรูด้า อยากให้ลองมาเดินชมธรรมชาติบนสะพานไม้ ในโครงการพระราชดำริแหลมผักเบี้ย ระยะทางประมาณ 850 เมตร ซึ่งทอดยาวไปจนถึงปากอ่าว เป็นเส้นทางธรรมชาติป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น และเต็มไปด้วยสัตว์น้ำและนกหายาก
ฤดูเปิดการท่องเที่ยว ตลอดทั้งปี (ไฮซีซั่น สิงหาคม – ธันวาคม)
การเดินทาง : สามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
ที่ตั้ง : ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
Facebook : นั่งเรือชม วาฬบรูด้า แหลมผักเบี้ย
4.หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี
จุดชมวาฬอีกแห่งในเพชรบุรี สัมผัสกับบรรยากาศท้องทะเล ดูวาฬบรูด้าอ้าปากเป็นกับดักให้ฝูงปลากระตักโดดเหนือน้ำ พร้อมกับชมฝูงนกนางนวลเป็นภาพสวยราวกับดอกไม้สีขาวประดับท้องฟ้า ที่หาดเจ้าสำราญ ที่ไม่ว่าวาฬยักษ์ใหญ่จะโผล่มาให้เห็นคราใด ก็ชวนตื่นเต้น เรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวได้ทุกครั้ง
ฤดูเปิดการท่องเที่ยว ตลอดทั้งปี (ไฮซีซั่น สิงหาคม – ธันวาคม)
การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร
ที่ตั้ง : ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี
Facebook : ชมวาฬทานปูหาดเจ้าสำราญ

5.พันท้ายนรสิงห์ (บางขุนเทียน) จ.สมุทรสาคร
การขึ้นแทงปากอ้าตั้งท่า Trap Feeding ค้างนานเกินนาทีเพื่อรอกินเหยื่อ ถือเป็นเอกลักษณ์ของวาฬบรูด้าที่ชวนตื่นตา ซึ่งพบเจอได้บ่อยบริเวณอ่าวไทยตอนใน โดยเฉพาะฝั่งทะเลบริเวณพันท้ายนรสิงห์ เนื่องจากเป็นจุดที่น้ำทะเลมีความเรียบนิ่ง จึงเห็นวาฬตัวใหญ่ลอยตัวผิวน้ำขึ้นนานเกินนาที รับรองว่ามีเวลาเหลือเฟือให้ดูและถ่ายภาพในระยะใกล้ๆ และยังมีโอกาสได้เจอโลมาอิรวดีอีกด้วย
ฤดูเปิดการท่องเที่ยว ตลอดทั้งปี (ไฮซีซั่น สิงหาคม – ธันวาคม)
ที่ตั้ง : ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
Facebook : วาฬบรูด้าสมุทรสาคร