(1).jpg)
อย่าซื้อเพราะเห็นว่าถูก! ผู้เชี่ยวชาญเตือน "แก้วมรณะ" เปลี่ยนน้ำร้อนให้กลายเป็นยาพิษ
ผู้เชี่ยวชาญเตือน ระวังการใช้ "แก้วเก็บความร้อน" อย่าซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูก อาจเปลี่ยนน้ำร้อนให้กลายเป็นยาพิษ
แก้วแบบนี้หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไปหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคามีตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อย แต่คุณภาพก็แตกต่างกันไป
"กระบอกน้ำ" หรือ "แก้วเก็บความร้อน" เป็นของใช้ที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แต่หากเลือกใช้แก้วเก็บความร้อนราคาถูกและไม่มีคุณภาพ อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักจากชั้นเคลือบภายใน ซึ่งเกินมาตรฐานและเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ค่อย ๆ บั่นทอนสุขภาพ แก้วพวกนี้อาจเปลี่ยนน้ำร้อนให้กลายเป็น "ยาพิษ" โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
อันตรายต่อสุขภาพจากการใช้แก้วเก็บความร้อนคุณภาพต่ำ
สแตนเลส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Inox เป็นโลหะผสมของเหล็กที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิม แต่สแตนเลสบางประเภท เช่น เกรด 201 และ 202 มีปริมาณแมงกานีสสูง แต่ความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนต่ำ จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุเคลือบภายในแก้วเก็บความร้อนที่ต้องสัมผัสกับน้ำร้อนหรือน้ำที่มีความเป็นกรด หากใช้งานเป็นประจำ อาจปล่อยสารอันตรายออกมา ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว
หากแก้วเก็บความร้อนมีปริมาณนิกเกิลสูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง แมงกานีสในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อมและโรคซึมเศร้า แคดเมียมหากสะสมในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ทำลายตับ และรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะปอดบวมน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
อันตรายจากโลหะหนักในแก้วเก็บความร้อนคุณภาพต่ำ
CCTV รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงอันตรายจากการสะสมโลหะหนักในร่างกาย โดยเฉพาะในเด็ก หากได้รับในปริมาณมาก อาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาทและสติปัญญา อีกทั้งการใช้แก้วเก็บความร้อนที่มีสารโลหะหนักสูงเป็นเวลานาน อาจขัดขวางพัฒนาการของเด็ก และอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต
ในบางกรณี ผู้บริโภคที่ใช้กระติกน้ำร้อนคุณภาพต่ำเป็นเวลานาน เริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ตรวจสุขภาพพบว่าปริมาณโลหะหนักในร่างกายเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงอันตรายของสารเคลือบภายในที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง
นอกจากนี้ แก้วเก็บความร้อนบางรุ่นอาจมีปัญหาการปิดฝาไม่สนิท แม้ว่าจะหมุนปิดแน่นแล้ว แต่น้ำร้อนก็ยังสามารถไหลทะลักออกมาได้ เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกลวกหรือเกิดอุบัติเหตุ หากเผลอทำหกใส่ตัว
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
- เลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
ควรเลือกแก้วหรือกระติกเก็บความร้อนจาก แบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน ได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หลีกเลี่ยงสินค้าที่ไม่มีฉลาก หรือฉลากไม่ชัดเจน เพราะอาจผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนโลหะหนัก
- เลือกวัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ควรเลือกแก้วเก็บความร้อนที่ใช้ สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 เป็นวัสดุเคลือบภายใน
- SUS304 เป็นวัสดุที่นิยมใช้ทั่วไป ทนต่อการกัดกร่อน มีความเสถียรสูง ปลอดภัยต่อการใช้กับน้ำดื่ม
- SUS316 มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ทำให้ทนต่อกรดได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูงหรือการใช้งานระยะยาว
วิธีเลือกแก้วเก็บความร้อนให้ปลอดภัย
- ตรวจสอบน้ำหนักและกลิ่น
แก้วเก็บความร้อนคุณภาพดี จะมีน้ำหนักพอดีมือ สัมผัสเรียบเนียน ไม่มีรอยขรุขระ หรือข้อบกพร่องบนพื้นผิว เมื่อเปิดออก ควร มีกลิ่นโลหะอ่อนๆ แต่ ไม่มีกลิ่นฉุนหรือเหม็นสารเคมี แก้วคุณภาพต่ำมักจะเบา สัมผัสหยาบ มีกลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นเหม็นฉุนของฟอร์มาลดีไฮด์หรือเบนซีน ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อสุขภาพ
- ทดสอบความแน่นของฝาปิด
เติมน้ำร้อนให้เต็มแก้ว ปิดฝาให้สนิท แล้วคว่ำลง หากไม่มีน้ำรั่วซึม แสดงว่ามีซีลกันรั่วที่ดี ลองเขย่าเบาๆ แล้วฟังเสียงน้ำข้างใน ถ้าได้ยินเสียงดังชัดเจน อาจหมายถึงฝาปิดไม่แน่นสนิท
- ทดสอบประสิทธิภาพการเก็บความร้อน
แก้วเก็บความร้อนคุณภาพดี สามารถรักษาอุณหภูมิได้ 6-12 ชั่วโมง เติมน้ำร้อน ปิดฝา และ รอประมาณ 10-15 นาที จากนั้นลองสัมผัสด้านนอกแก้ว ถ้าด้านนอกไม่ร้อน แสดงว่าฉนวนกันความร้อนดี ถ้ารู้สึกอุ่นหรือร้อนเร็ว แสดงว่าเก็บความร้อนได้ไม่ดี
วิธีใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อนอย่างถูกต้อง
การเลือกแก้วหรือกระบอกเก็บความร้อนที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใช้งานที่ถูกต้องก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพจากการใช้ผิดวิธี
- ทำความสะอาดก่อนใช้งานครั้งแรก
ระหว่างกระบวนการผลิต ขนส่ง และจัดเก็บ แก้วอาจปนเปื้อนฝุ่น เชื้อโรค และสิ่งสกปรก หากไม่ล้างก่อนใช้ อาจทำให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายผ่านน้ำดื่ม
- วิธีทำความสะอาด
หลังจากนี้ สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและยืดอายุการใช้งานของแก้วเก็บความร้อน
ข้อควรระวังในการใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
- อย่าเติมน้ำจนเต็มเกินไป
ควรเติมน้ำร้อนเพียง 80%-90% ของความจุ เพื่อป้องกันน้ำล้นออกมาและลวกมือขณะปิดฝา หลังเติมน้ำร้อน ควรรอให้อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ก่อนปิดฝาให้แน่น เพื่อลดความเสี่ยงจากแรงดันไอน้ำสูงที่อาจทำให้เปิดฝายากหรือเกิดไอน้ำลวกมือได้
- ปิดฝาหลังใช้ทุกครั้ง
เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคปนเปื้อน ควรปิดฝาทุกครั้งหลังดื่ม
ของเหลวที่ไม่ควรใส่ในแก้ว/กระบอกเก็บความร้อน
การเก็บของเหลวบางประเภทในกระบอกเก็บความร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้เปลี่ยนรสชาติ ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับวัสดุด้านใน และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ได้แก่:
- ชาเข้มข้น – อุณหภูมิสูงอาจทำให้สารแทนนินและคาเฟอีนแตกตัว ส่งผลต่อสุขภาพ
- ยาสมุนไพรจีน – อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารออกฤทธิ์ และลดประสิทธิภาพของยา
- น้ำเกลือหรือน้ำแร่ – อาจทำปฏิกิริยากับโลหะด้านใน ส่งผลให้เกิดการปล่อยสารโลหะหนัก
- เครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม – กรดอาจกัดกร่อนวัสดุด้านใน ทำให้ปล่อยโลหะหนักออกมา
การเลือกใช้แก้ว/กระบอกเก็บความร้อนให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพของเครื่องดื่ม แต่ยังช่วยปกป้องสุขภาพในระยะยาว