(2).jpg)
หมอเตือน กินอาหาร 1 ประเภท ติดต่อกันแค่ 5 วัน ก็รู้เรื่อง ทำลายสมองและตับ!
แพทย์เตือน กิน "อาหาร 1 ประเภท" ติดต่อกัน 5 วัน ทำลายสมองและตับ! แม้จะกลับมากินอาหารปกติ ก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้
คนยุคใหม่เผชิญกับความเครียดจากการทำงานและชีวิตประจำวัน บางครั้งจึงหันไปหาขนมหวานหรือของว่างเพื่อลดเครียด หรือทานอาหารขยะที่มีแคลอรีสูงอย่างไม่ยั้งคิด
คุณหมอลี เป่ยเซียน ชาวไต้หวัน ได้โพสต์ในเพจ "Dr.Le 李柏賢" ว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทูบิงเกนและศูนย์วิจัยโรคเบาหวานไฮม์โฮล์ซของเยอรมนีได้เผยแพร่การศึกษาผ่านวารสาร Nature Metabolism
โดยเชิญชายหนุ่มสุขภาพดีอายุ 19-27 ปี จำนวน 29 คน (BMI 19-25) เข้าร่วมการทดลอง ซึ่ง 18 คนในนั้น ถูกกำหนดให้ทานอาหารขยะแปรรูปที่มีแคลอรีสูงเพิ่มขึ้นวันละ 1500 แคลอรี เช่น ช็อกโกแลตบาร์ บราวนี่ และมันฝรั่งทอด ติดต่อกัน 5 วัน ก่อนจะกลับมาทานอาหารปกติอีก 7 วัน
คุณหมอลี เป่ยเซียน อธิบายว่า นักวิจัยใช้ MRI เชิงฟังก์ชันและการทดสอบความไวต่ออินซูลินเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของสมอง พบว่าในเวลาเพียง 5 วัน ไขมันในตับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ความไวต่ออินซูลินของสมองเปลี่ยนแปลงโดยเพิ่มขึ้นก่อนแล้วลดลง และระบบรางวัลและการลงโทษในสมองก็ได้รับผลกระทบด้วย
ทำไมการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเกิดขึ้น? คุณหมอลี เป่ยเซียน อธิบายว่า สัญญาณอินซูลินในสมองไม่ได้มีผลแค่ระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมความอยากอาหาร ระบบรางวัล การเรียนรู้ และความจำ เมื่อลำไส้รับพลังงาน ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ๆ
การตอบสนองของอินซูลินในสมองอาจผิดปกติ ส่งผลให้สมองไวต่ออินซูลินน้อยลง ทำให้รู้สึกอิ่มช้าลง ควบคุมตัวเองได้ยากขึ้น การทำงานของฮิปโปแคมปัสลดลง อาจส่งผลต่อความจำและการควบคุมอารมณ์ อีกทั้งยังทำให้ความพึงพอใจจากอาหารลดลง ทำให้ต้องกินมากขึ้นเพื่อให้รู้สึกพอใจ
หากต้องการลดผลกระทบและฟื้นฟูสมองกับระบบเผาผลาญ คุณหมอลี เป่ยเซียน แนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารขยะอย่างต่อเนื่อง แม้จะตามใจตัวเองบ้างเป็นครั้งคราวได้ แต่ไม่ควรทำเป็นนิสัย ควรเลือกอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีน เพื่อช่วยให้สัญญาณในสมองกลับมาเป็นปกติ รวมถึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ