(1).jpg)
เกิดอะไรขึ้น? แม่หนีออกจากบ้านพักคนชราสุดหรู ตอนตี 1 ลูกสาวใจสลาย เมื่อรู้เหตุผล
ลูกสาวสุดงง แม่วัย 75 ปี จู่ๆ หนีออกจากบ้านพักคนชราสุดหรู ค่าบริการ 2 แสนต่อเดือน หลั่งน้ำตาเล่าเหตุผล ลั่น "ไม่ขอกลับไปอีก"
บ้านพักคนชราสุดหรู พร้อมบริการดูแลครบครัน สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย หากสามารถจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงลิ่ว ก็ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้ชีวิตบั้นปลาย
เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า ที่โตเกียว หญิงม่ายวัย 75 ปี ผู้มั่งคั่ง ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชราสุดหรู หลังจากลูกสาวต้องแต่งงานและย้ายไปอยู่ไกล ไม่มีใครคอยดูแล แต่จู่ๆ เธอหนีออกจากบ้านพักกลางดึก พร้อมน้ำตานองหน้า และร้องไห้ว่า "ฉันไม่อยากกลับไปอีก!" ทำเอาลูกสาวสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า มิชิโกะ (นามสมมุติ) อายุ 75 ปี เคยอาศัยอยู่กับสามีและลูกสาวที่โตเกียว ก่อนที่สามีจะเสียชีวิตไปหลายปี ลูกสาววัย 49 ปี ได้ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อสร้างครอบครัว จึงเหลือเพียงเธอที่อาศัยอยู่ในโตเกียว
มิชิโกะ กังวลว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จะไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ แต่ก็ไม่อยากย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราทำให้เธอรู้สึกสับสนและมีความรู้สึกขัดแย้งในใจ
ลูกสาวจึงแนะนำให้แม่ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราสุดหรูในโตเกียว ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทอง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราเหมือนโรงแรมระดับห้าดาว ค่าใช้จ่ายในการเข้าอยู่สูงถึงหลายสิบล้านเยน โดยมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเกือบ 1 ล้านเยน (ประมาณ 2 แสนบาท)
มิชิโกะ พิจารณาถึงเงินประกันชีวิตที่สามีทิ้งไว้ และรายได้จากการขายบ้าน จึงมั่นใจว่าเธอสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ และตัดสินใจขายบ้านเพื่อย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา
เมื่อย้ายเข้ามา มิชิโกะ ก็ต้องตกตะลึงกับการตกแต่งที่หรูหรา เธอได้พักในห้องกว้างขวาง และอาหารที่เสิร์ฟในร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้านพัก ล้วนเกินความคาดหมายของเธอไปมาก เธอเริ่มตระหนักว่าคุณภาพชีวิตของเธอจะดีขึ้นอย่างมาก
แต่หลังจากอยู่มาสักพัก มิชิโกะ เริ่มรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เพราะหลายคนในบ้านพักเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ก่อนเข้ามาพักพวกเขาล้วนเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จหรือแพทย์ที่มีชื่อเสียง พวกเขามักพูดถึงความสำเร็จของตัวเอง การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ และการซื้อของแบรนด์หรู
แม้ว่า มิชิโกะ จะเคยคิดว่าตัวเองมีชีวิตที่ค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมบ้านแล้ว เธอรู้สึกว่าความแตกต่างนั้นชัดเจนมาก
เพื่อนร่วมบ้านยังแบ่งกลุ่มตามฐานะการเงิน ทำให้ มิชิโกะ รู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะช่วงเวลาอาหาร หากเธอนั่งผิดที่ เธอมักจะสัมผัสได้ถึงสายตาไม่พอใจ หรือท่าทางหงุดหงิดจากคนอื่น ความกดดันที่ไม่มีรูปธรรมนี้ทำให้เธอเริ่มเงียบขรึม และเริ่มสงสัยว่าเธอควรจะย้ายมาอยู่ที่นี่หรือไม่
กระทั่งเกิดเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ มิชิโกะ ตัดสินใจหนีออกออกจากบ้านพัก ในงานกิจกรรมสังคมที่จัดขึ้นในบ้านพัก เพื่อนร่วมบ้านคนหนึ่งได้ล้อเลียนเธอ และถามว่า "คุณคิดว่าที่นี่เหมาะกับคุณจริงๆ หรือ?" แม้เธอจะยิ้มตอบและทำเหมือนไม่ใส่ใจ แต่คืนนั้นเธอนอนไม่หลับ และประมาณตี 1 เธอคิดว่า "ทนที่นี่ไม่ไหวแล้ว" จึงรีบหนีออกจากบ้านพักโดยไม่สนใจพนักงานที่พยายามห้าม
ตำรวจตามหาตัว มิชิโกะ และแจ้งให้ลูกสาวมารับเธอไป เมื่อพบตัว มิชิโกะ เธอร่ำไห้และกล่าวว่า "ฉันไม่อยากกลับไปที่บ้านพักคนชราแล้ว!" เธอปฏิเสธที่จะกลับไปที่นั่น และหลังจากนั้นเธอเลือกเช่าห้องพักใกล้บ้านลูกสาวแทน
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า กรณีคล้าย ๆ กันไม่ใช่เรื่องแปลก และขอเตือนผู้สูงอายุที่คิดจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักคนชรา โดยเฉพาะบ้านพักหรู ให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นเพของเพื่อนร่วมบ้าน กิจกรรมภายในบ้านพัก รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านและพนักงาน เพราะหากตัดสินใจออกกลางคัน อาจจะไม่ได้รับเงินคืนทั้งหมด ดังนั้นควรเยี่ยมชมหลาย ๆ แห่ง เพื่อเลือกบ้านพักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง