(1).jpg)
"หนูกลัวพ่อมาก" ลูกสาว 6 ขวบ อ้อนวอนอย่าทิ้งให้อยู่บ้าน แม่ใจสลาย เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง จู่ๆ ลูกสาววัย 6 ขวบ เดินมาบอก "แม่อย่าปล่อยให้หนูอยู่บ้านคนเดียว หนูกลัวพ่อมาก" ใจสลายเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
เว็บไซต์ Kenh14.vn รายงานเรื่องราวของคุณแม่ชาวเกาหลีรายหนึ่ง ซึ่งจู่ๆ ลูกสาววัย 6 ขวบ ก็อ้อนวอนเธอ ขออย่าปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว เพราะไม่อยากอยู๋กับพ่อเพียงลำพัง ทำเอาเธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในครอบครัวของตัวเอง
คุณแม่ชาวเกาหลีรายนี้ โพสต์ลงโซเชียล เล่าว่า "ฉันยังจำได้อย่างชัดเจนในวันนั้น เมื่อบุตรสาวของฉัน เด็กหญิงวัย 6 ขวบ มองมาที่ฉันด้วยแววตาเต็มไปด้วยความกังวล และพูดเบาๆ ว่า "แม่อย่าปล่อยให้หนูอยู่บ้านคนเดียว หนูกลัวพ่อมาก"
คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้สึกจุกในใจ เหมือนโดนกระทบอย่างแรง ฉันไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวของฉันที่ฉันคิดว่าเธอจะรู้สึกปลอดภัยและเต็มไปด้วยความรักจากพ่อแม่ ถึงสามารถพูดออกมาแบบนี้ได้ หรือจริงๆ แล้ว พ่อที่เธอรักกลับกลายเป็นความกลัวของเธอไปแล้วหรือ?
คำพูดนั้นติดอยู่ในใจฉันตลอดทั้งวัน เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของฉัน? ทำไมลูกสาวถึงกลัวพ่อ? ฉันและสามีเลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความเอาใจใส่ แต่ทำไมลูกถึงรู้สึกกลัวพ่อซึ่งควรจะเป็นที่พึ่งพิงที่มั่นคงของเธอ? ฉันมั่นใจว่าเธอรักพ่อ แต่ตอนนี้เธอกลับอยากหลีกเลี่ยงพ่อ นี่ทำให้ฉันตกใจและเป็นห่วงมาก
เรื่องราวเริ่มต้นจากครั้งหนึ่งที่ฉันและสามีช่วยลูกทำการบ้าน ฉันมักจะเป็นคนที่ใจเย็นและค่อยๆ สอนลูก แต่วันนั้นสามีฉันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อการบ้านของลูกยังทำไม่เสร็จและคำตอบที่ผิดทำให้เธอกังวล เขาก็เริ่มเสียการควบคุม
ฉันรู้ดีว่าสามีรักลูกมาก แต่บางครั้งเขาก็เคร่งครัดและใจร้อนเกินไป แม้ว่าเราจะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช้ไม้เรียวในการสอนลูก แต่ในขณะอารมณ์ร้อน เขาก็ได้ตบที่มือของลูก การกระทำนั้นไม่แรง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลูกต้องทน ทุกการกระทำนั้น แม้จะเป็นแค่การระเบิดอารมณ์ชั่วขณะ ก็ทำให้ลูกสาวของฉันกลัว
ตอนนั้นฉันยืนอยู่เฉยๆ มองลูกนั่งนิ่ง น้ำตาไหลบนแก้ม และฉันรับรู้ถึงความเศร้าและความเจ็บปวดในใจลูก แม้ว่าฉันจะรู้ว่าสามีไม่ได้ตั้งใจทำร้ายลูก แต่ฉันก็ทนไม่ได้เมื่อเห็นลูกต้องเผชิญกับสิ่งนั้น ฉันแค่ต้องการให้ลูกรู้สึกปลอดภัย และรู้ว่าลูกจะมีพ่อแม่ที่รักและปกป้อง พร้อมสอนลูกด้วยความอ่อนโยน ไม่ใช่ด้วยความกลัว การเห็นลูกสาวกลัวสายตาของสามีทำให้ฉันต้องคิดมากเกี่ยวกับวิธีการสอนลูกของเรา
ทั้งคืนนั้นฉันไม่สามารถหลับได้ ฉันคิดถึงคำพูดของลูกที่ว่า "หนูกลัวพ่อมาก" คำพูดนั้นดังก้องในใจฉัน และฉันไม่เข้าใจว่าทำไมลูกถึงรู้สึกแบบนั้น ฉันเป็นห่วงจิตใจของลูก ห่วงการเติบโตของลูกในสภาพแวดล้อมของครอบครัว
ในฐานะแม่ ฉันไม่สามารถปล่อยให้ลูกเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกลัวแบบนั้นได้ ฉันไม่สามารถให้ลูกคิดว่าพ่อแม่เป็นคนที่น่ากลัว นั่นไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรได้รับ โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่ควรเป็นผู้ปกป้อง รัก และดูแลลูก
ฉันตัดสินใจที่จะพูดคุยกับสามีทันที ฉันต้องการให้เขาเข้าใจว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการสอนลูก เราต้องอดทนมากขึ้นและไม่ให้ความรู้สึกเชิงลบมีอิทธิพลต่อการกระทำของเรา ทั้งสองคนต้องเป็นแบบอย่างที่ลูกสามารถมองเห็นและเรียนรู้จากเรา ฉันไม่ต้องการให้ลูกเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ความรักถูกแทนที่ด้วยความกลัว
เรานั่งลงและฉันเริ่มพูดคุยอย่างจริงจัง "ทำไมทำแบบนั้นกับลูก?" ฉันถาม
สามีฉันเงียบไปสักครู่ ก่อนจะมองตาฉันเหมือนหาวิธีอธิบาย เขายอมรับว่าเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์เมื่อเห็นลูกทำการบ้านไม่เสร็จ และคำตอบที่ไม่ถูกต้องทำให้ลูกกังวล เขาบอกว่าเขาแค่อยากให้ลูกทำการบ้านให้ถูกต้อง แต่ในขณะนั้นอารมณ์ได้ครอบงำความคิด เขารู้สึกเสียใจและขอโทษทั้งฉันและลูก เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการให้ลูกกลัวเขาและรู้ว่าเขาผิด
ฉันเข้าใจว่าในช่วงเวลาที่อารมณ์ร้อน ทุกคนอาจทำผิดพลาด แต่ฉันก็รู้ว่า การเป็นพ่อแม่ไม่สามารถให้ความรู้สึกครอบงำวิธีการสอนลูก การใช้ไม้เรียวไม่เพียงแต่ทำให้ลูกเจ็บทางร่างกาย แต่ยังทำให้จิตใจลูกได้รับบาดแผล ความกลัวจะทำให้ลูกไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่จะทำให้ลูกหดหู่ สูญเสียความมั่นใจและความเชื่อใจในผู้ใหญ่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการให้ลูกได้รับ
หลังจากพูดคุยกัน ทั้งสองคนได้ตระหนักว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง การสอนลูกไม่ใช่การใช้ไม้เรียวหรือการลงโทษ แต่คือการอดทน ฟังลูก และสอนลูกด้วยความอ่อนโยน เราตัดสินใจที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเปลี่ยนแปลงวิธีการสอนลูก ลูกจะได้เรียนรู้ว่า ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และสิ่งสำคัญที่สุดคือลูกจะรู้วิธีการแก้ไขความผิดพลาดนั้น
เราก็ได้ตระหนักว่า การเลี้ยงดูลูกไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องการความอดทนจากทั้งสองฝ่าย ลูกจำเป็นต้องรู้สึกปลอดภัย ได้รับความรัก และได้รับการเคารพ เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกสาวจะเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดี มั่นใจ และมีความสุข เราสัญญาว่าจะร่วมมือกันสร้างสภาพแวดล้อมในครอบครัวที่ลูกสามารถเรียนรู้และเติบโตได้ โดยไม่ต้องมีความกลัว
แม้ว่าลูกอาจจะทำผิดพลาด และเราจะต้องสอนลูกในหลายๆ สถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เราจะไม่ให้ความรู้สึกมาครอบงำ และจะรักษาความเชื่อมั่นว่า ความรักและความอดทนจะช่วยให้ลูกเติบโต เรียนรู้ และแข็งแกร่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันเชื่อว่าเมื่อเรามีความตั้งใจและร่วมมือกัน ลูกสาวของเราจะเติบโตขึ้นด้วยคุณค่าที่ดี ไม่ต้องกลัว และรู้สึกปลอดภัยในครอบครัว"