.jpg)
“ครูของลูก” แชทขอยืมเงิน แม่ฉลาดถามกลับคำเดียว ไม่เสียเงิน ลูกไม่ถูกเลือกปฏิบัติ!
ผปค.กดไลค์ ขอยืมไปใช้บ้าง! คุณแม่เผยวิธี "ปฏิเสธคำขอยืมเงิน" จากครูของลูก แบบไม่สร้างศัตรู และลูกไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
โรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวันเรียนต่างๆ เป็นสถานที่ที่มักถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างมีความสุขของเด็กๆ แต่บางครั้งมันกลับกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ผู้ปกครองต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ไม่เพียงแค่เรื่องอาหาร การทำความสะอาด หรือการเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ปกครองกับครูด้วย เพราะในมุมมองของหลายคน การผิดพลาดเล็กน้อยในความสัมพันธ์นี้ อาจส่งผลโดยตรงต่อวิธีการที่ลูกของพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติที่โรงเรียน
ดังเช่นเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าจากคุณแม่คนหนึ่งในประเทศจีน เมื่อลูกชายของเธอเพิ่งเริ่มเรียนที่โรงเรียนอนุบาล ในตอนแรกเธอพอใจกับครูที่เป็นผู้ดูแลค่อนข้างมาก เนื่องจาก "ครูหลี่" ให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตประจำวันของเด็กๆ และมีการติดต่อกับผู้ปกครองอย่างเป็นมิตร อย่างไรก็ดี ไม่นานมานี้มีเหตุการณ์ที่คุณครูคนดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
นับตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ในการสนทนาและพูดคุยประจำวัน ครูหลี่เริ่มบ่นให้ฟังเป็นบางครั้งว่า "เดี๋ยวนี้การหาเงินมันยากจริงๆ" หรือ "ทุกคนก็ต้องเจอความยากลำบาก" คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ แม้เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่ค่อยปกติ แต่ก็ยังคงพยายามไม่เก็บมาคิดมาก จนกระทั่งวันหนึ่งในตอนเย็น ครูหลี่ส่งข้อความมาหาเธอโดยตรงเพื่อขอยืมเงินจำนวน 30,000 หยวน (ประมาณ 140,000 บาท) และสัญญาว่าจะคืนให้ภายในสิ้นเดือน
เธอรู้สึกตกใจมากกับคำขอนี้ของครูหลี่ ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะให้ยืมหรือปฏิเสธดี เพราะหากไม่ให้ยืม ก็เกรงว่าลูกชายของเธอจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่? แต่ถ้าให้ยืมก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะเธอเองไม่ได้มีเงินมากมาย และที่สำคัญคือเธอกับครูของลูกชายไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น สุดท้ายเธอก็สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยการตอบข้อความไปว่า "ครูโดนแฮ็กบัญชีหรือเปล่าคะ?"
คำถามที่ส่งกลับไปสั้นๆ โดยที่ไม่ทำให้สถานการณ์ดูตึงเครียดหรือสร้างความบาดหมางจนเกินไป แต่ขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ครูหลี่รู้สึกว่าเธอจับได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เพราะการถามแบบนี้ทำให้รู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องแปลกที่ขอยืมเงินจากผู้ปกครอง และดูเหมือนครูหลี่เองก็เข้าใจได้ทันที จึงเลือกที่จะตอบกลับมาเพียงว่า "ใช่ค่ะ"
เช้าวันถัดมา ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจโดยปริยายและไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ลูกชายของเธอยังคงใช้ชีวิตตามปกติที่โรงเรียน ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกโล่งใจที่สามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างเรียบร้อยดี และเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ หลายคนชื่นชมวิธีการที่คุณแม่จัดการสถานการณ์อย่างชาญฉลาด เพราะไม่ว่าใครเผชิญสถานการณ์เช่นนี้กับตัวก็ย่อมรู้สึกกังวล ว่าควรทำอย่างไรเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับครูของลูกๆ ไว้ต่อไป
- ลูกสาว 3 ขวบ กลับจาก รร.หวีดร้องตัวสั่น “กลัวเข้าห้องน้ำ” แม่ถอดกางเกงดู ช็อกร้องไห้โฮ!
- เด็ก 3 ขวบ รอที่ รร.หลายวัน ไม่มีใครมารับ ครูเจอ "กระดาษ" ในกระเป๋า อ่านแล้วโกรธมาก!