.jpg)
ใจสลาย ลูกร่ำไห้ขอไม่ไป รร. เพื่อนชี้เป้า "ครูไม่ชอบเขา" แม่ช็อก เห็นคลิปในห้องอนุบาล
"ครูก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน" เบาะแสสำคัญจากปากเพื่อนร่วมชั้น แม่บุกถามจนรู้ความจริงใจสลาย สิ่งที่ลูกชายต้องเผชิญในรั้ว รร.อนุบาล
โรงเรียนอนุบาลควรเป็นสถานที่ที่ไร้ความกังวล และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ แต่บางครั้งกลับกลายเป็นสถานที่ที่"ฝันร้าย" เกิดขึ้น เช่น การกลั่นแกล้งหรือความรุนแรงในโรงเรียน
ทุกวันนี้เราไม่ได้พูดถึงแค่การกลั่นแกล้งในโรงเรียน ที่มาในรูปแบบการทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงความรุนแรงทางจิตใจที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ทราบ ยังคงคิดว่าลูกๆ ของตนสบายดี และยังไปโรงเรียนอย่างมีความสุขทุกวัน แต่แท้จริงเด็กๆในสถานการณ์เช่นนี้จะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
ดังเช่นกรณีที่แชร์ออกมาโดย คุณหลี่ จากประเทศจีน เธอเป็นคุณแม่ของเด็กชายชั้นอนุบาลชื่อ “เต้าเต้า” หลังจากคลอดลูกคนที่สอง คุณหลี่ก็ไม่ได้ติดตามลูกชายคนนี้อย่างใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป กระทั่งล่าสุดเธอเห็นว่าเขาฉี่รดที่นอนบ่อยครั้ง แล้วร้องไห้ตลอดเวลาพร้อมพูดว่า “หนูไม่อยากไปโรงเรียน!”
ในตอนแรกคุณหลี่คิดว่าเป็นเพราะเธอไม่ใส่ใจลูกมากพอ ดังนั้นจึงพยายามชดเชยด้วยการใช้เวลาเล่นกับลูกหลังเลิกเรียนและในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้น เมื่อถามว่าถึงเหตุผลที่ไม่อยากไปโรงเรียน ลูกชายก็แค่ร้องไห้และพูดอะไรไม่ชัดนัก
แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างไปส่งลูกที่โรงเรียน เธอได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นชี้มาที่ลูกชายแล้วพูดกับแม่ของตนเองว่า “นั่นเพื่อนร่วมชั้นของหนูที่ชอบฉี่รดที่นอนนะแม่ คุณครูก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน!” เมื่อได้ยินดังนั้น คุณหลี่ก็ตกใจและรีบไปพบผู้อำนวยการเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้องเรียนทันที
เธอเพิ่งค้นพบความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงพักเที่ยงลูกชายได้ยกมือขอไปเข้าห้องน้ำอย่างอายๆ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ครูก็แค่เหลือบมองแล้วหันไปหาเด็กนักเรียนอีกคน ก่อนพูดว่า “น่ารำคาญมาก นักเรียนบางคนทำให้เรื่องทุกอย่างกลายเป็นเรื่องใหญ่โต” จากนั้นเธอก็ไม่สนใจเต้าเต้าแล้วเดินจากไป
เต้าเต้าพยายามกลั้นเอาไว้จนตัวสั่น แต่ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และปัสสาวะรดกางเกง เมื่อเห็นดังนั้น ทั้งชั้นก็พากันมารวมกันและชี้ไปที่เด็กน้อย พร้อมเรียกเขาว่า “ราชาแห่งการฉี่รดที่นอน”
สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นซ้ำในคลิปที่บันทึกไว้หลายๆ วัน คุณครูแสดงออกว่าไม่ชอบเต้าเต้าอย่างเห็นได้ชัด และมักจะเมินเฉยเมื่อเด็กน้อยคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากเห็นภาพทั้งหมดผู้เป็นแม่ก็รู้สึกเสียใจและตำหนิตัวเองที่ไม่ค้นพบความผิดปกติให้เร็วกว่านี้ ปล่อยให้ลูกต้องทนทุกข์กับการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเป็นเวลานานเกินไป
สุดท้ายแม้ว่าคุณครูคนดังกล่าวจะถูกทางโรงเรียนตำหนิแล้ว แต่คุณหลี่ก็ยังตัดสินใจย้ายลูกของเธอไปโรงเรียนอื่น….. คิดดูสิ แม้แต่ผู้ใหญ่ยังทนความเย็นชาเช่นนี้ได้ยาก แล้วสำหรับเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ เรื่องนี้จะกลายเป็นฝันร้ายในความทรงจำของเขาเพียงใด….
ความรุนแรงอันเย็นชาในโรงเรียนอนุบาลอันตรายแค่ไหน?
ความรุนแรงที่เย็นชา ไม่ใช่การดุด่า ไม่ใช่การทุบตี แต่เป็นการเพิกเฉย โดดเดี่ยว เย้ยหยัน และทำลายความนับถือตนเองของเด็กทีละเล็กละน้อย เช่น การเพิกเฉยโดยเจตนา ทำให้เด็กกลายเป็น “บุคคลที่มองไม่เห็น”, การแบ่งแยกเด็กออกเป็นกลุ่ม, ขู่คุกคามเด็กเพื่อให้เชื่อฟังมากขึ้น และความเฉยเมยเมื่อเด็กเปราะบางถูกกลั่นแกล้ง
“มีดคม” ประเภทเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้อยาก กลับกันมันอาจเกิดขึ้นกับเด็กทุกคนได้ง่ายๆ ในแต่ละวัน ดังนั้น ผู้ปกครองต้องตื่นตัวและคอยสังเกตอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อปกป้องลูกหลานของตนเอง ให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
- ลูกสาว 3 ขวบ กลับจาก รร.หวีดร้องตัวสั่น “กลัวเข้าห้องน้ำ” แม่ถอดกางเกงดู ช็อกร้องไห้โฮ!
- งานเข้า! ครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออก