เนื้อหาในหมวด ข่าว

ลูกชาย \

ลูกชาย "เมฆ วินัย" ประกวดร้องเพลงหาเงิน "แม่เอ๋" เผย 1 ปีใช้หนี้ 6 ล้านเหลือ 3 ล้าน

น้ำตาซึม ลูกชาย เมฆ วินัย ประกวดร้องเพลงหาเงินเลี้ยงครอบครัว ไม่อยากให้ แม่เอ๋ ลำบาก 1 ปี ใช้หนี้จาก 6.5 ล้าน เหลือ 3 ล้าน 

สุดยอดความกตัญญู น้องมาร์ค พงษ์ภณ ลูกชายพระเอกผู้ล่วงลับ เมฆ วินัย ประกวดร้องเพลงหาเงินเลี้ยงครอบครัว จนกลายเป็นไวรัลดังทั่วโลกออนไลน์ แม่เอ๋ อรชัญญาช์ ควงลูกๆ น้องมาร์ค-น้องแมม-น้องเมิร์ช ขอเล่าคำพูดจุกอกของลูกสาวที่พูดถึงคุณพ่อผู้ล่วงลับ จนทำคุณแม่น้ำตาซึม ขอเคลียร์ชัดๆ 1 ปี หนี้ 6.5 ล้านเหลือเท่าไหร่แล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี บูม สุภาพร และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เพลงที่ร้องคือเพลงอะไร?

มารค : อยากหยุดเวลาครับ มีความหมายคือคิดถึงคนที่จากไปแล้ว ซึ่งก็คือคุณพ่อครับ 

เอ๋ : เป็นเพลงประกอบนางนาก พี่เมฆเคยเล่นเป็นพี่มาก เขาได้ฟังแล้วมันก็รู้สึกเชื่อมโยงกัน เขารู้สึกว่าเพลงนี้มันเพราะตอนแรก พอเล่าให้ฟังว่าเพลงมีเนื้อหาแบบนี้นะ เขาก็เอามาตีความหมาย จากที่เขาตีความหมายเพลง ก็เลยมาเป็นเพลง

เสียงเพราะขนาดนั้น เข้าประกวดร้องเพลงด้วย?

มารค : ใช่ครับ ลองไปประกวดรายการ Golden Song ก็ผ่านรอบแรกครับ

จุดเริ่มต้น ทำไมเข้าประกวดการแข่งขันนี้?

มารค : ตอนนั้นเรียนร้องเพลงเฉยๆ ครู แม่ อาม่า เขาอยากให้ลองไปประกวด

เอ๋ : Golden Song เป็นรายการเพลงไทย ที่เป็นลูกกรุง ใช้ภาษาไทยได้ชัดเจน ก็อยากให้เขาได้ลอง ถ้าเป็นนักร้องก็อยากให้ร้องเพลงไทยให้ดีให้ชัด นี่เป็นที่มาเข้าประกวด 

วันประกวดตื่นเต้นมั้ย?

มาร์ค : ตื่นเต้นมากเลยครับ วิธีแก้ความตื่นเต้นก็คิดถึงคุณพ่อ คิดถึงคนที่เราจะร้องเพลงให้

มาร์คอยากช่วยคุณแม่ เห็นว่าคุณแม่เป็นหัวหน้าครอบครัว มีเหตุการณ์ทำให้คุณแม่บริจาคไตให้พี่สาว?

เอ๋ : ด้วยความที่แม่เป็นเสาหลักครอบครัวอยู่แล้ว เขาเห็นแม่ทำงานเยอะ ทำงานหนัก พอเรามีวัตถุประสงค์บริจาคไตข้างนึงให้พี่สาว มารคก็กังวลว่าแม่จะเหมือนเดิมมั้ย ทำงานได้เหมือนเดิมมั้ย จะเหนื่อยมั้ย ก็เลยเป็นที่มาว่าเขาอยากช่วย วิธีการช่วยของเขาคือเขาร้องเพลงได้ เขาอยากให้คนรู้จักเขามากขึ้น เวลาขายของจะได้สามารถขายได้ดีกว่าเดิม หรือช่วงแม่ป่วย แม่รักษาตัว เขาจะได้ทำได้ 

เจตนาคืออยากแบ่งเบาภาระคุณแม่?

มารค : ใช่ครับ ตอนคุณพ่อยังอยู่ คุณพ่ออาการแย่ลงเรื่อยๆ เขาบอกว่าถ้าพ่อเสียไป เขาพูดไว้ก่อน ถ้าพ่อเสียไป ช่วยดูแลคุณแม่ ดูแลน้องๆ อย่าดื้อกับคุณแม่ ตอนแรกก็พูดไปว่าอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ พ่อไม่ไปหรอก 

นานมั้ยกว่าจะเกิดเหตุ?

มารค : ประมาณเดือนนึง เราก็อยากทำเต็มที่เพราะรับปากคุณพ่อไว้ครับ 

วันที่น้องมาร์คปรึกษาคุณแม่เรื่องเข้าประกวด แม่รู้สึกยังไง?

เอ๋ : ก็สนับสนุนนะคะ สนับสนุนสิ่งที่เขาอยากทำอยู่แล้ว เป็นอีกช่องทางนึงที่จะเป็นโอกาส และมีชื่อเสียงได้ แม่ก็สนับสนุนค่ะ 

ทำไมคิดได้ขนาดนี้?

มารค : ตอนเด็กๆ คุณพ่อเริ่มป่วย คุณพ่อก็ทำงานไม่ได้ คุณแม่ก็ทำงานอยู่คนเดียว เริ่มขายของออนไลน์ ไปทำงานบริษัทก็เหนื่อยมาก คิดว่าถ้าเรามีชื่อเสียง เราอาจช่วยคุณแม่ได้  

พี่เอ๋ได้ยินสิ่งที่น้องพูด?

เอ๋ : น้ำตาซึม (น้ำตาไหล) ปลื้มและภูมิใจกับเขามาก รู้สึกดีใจที่เขาเป็นเด็กดี และคิดได้ ปลื้ม ดีใจ ที่มารคคิดได้

มาร์คอายุเท่าไหร่?

เอ๋ : เพิ่งจะ 13 เมื่อไม่กี่วันค่ะ

มีท่อนไหนที่ประทับใจและสะเทือนใจกับเพลงที่ร้อง?

มาร์ค : เพราะเธอหรือเปล่า อะไรแบบนี้

เอ๋ : เพลงนี้เป็นเพลงรักของชายหญิง มารคเขาเป็นเด็ก เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เขาก็ร้องไปลอยๆ เราก็เลยบอกว่าการร้องเพลงให้คนฟังต้องสื่อให้ได้ มีใครที่มารคนึกถึง โหยหา อยากให้อยู่กับเรามั้ย เขาบอกว่าเขาคิดถึงป๊า เราก็บอกว่างั้นก็ร้อง และให้คิดถึงป๊า นั่นแหละค่ะเป็นที่มาที่ร้องจากฟีลลิ่ง

ตอนมาร์คร้องจบ กรรมการชมไม่หยุดเลย ชมยังไงบ้าง?

มาร์ค : เขาชมเรื่องอารมณ์ที่สื่อออกมา ชมว่าตั้งแต่ประโยคแรก เขารู้เลยว่าเราร้องให้ใคร 

มาร์คชอบร้องเพลงเพราะคุณพ่อ?

เอ๋ : เขาสอนการแสดงก่อนค่ะ ตอนนั้นมารค 4 ขวบ สอนการแสดงที่เป็นอะไรที่กดดัน เขาก็เลยกลัวการแสดง แต่สิ่งที่เขามีความสุขคือเขาได้เรียนร้องเพลงเรียนอะไรหลายๆ อย่าง แล้วหาตัวเองเจอว่าเขาชอบร้องเพลง เวลาเขาคิดถึงพ่อก็จะร้องเพลงค่ะ

พ่อชอบร้องเพลงอะไร?

มาร์ค : มีอยู่ 2 เพลงครับ เพราะเธอหรือเปล่า กับอยากหยุดเวลา เพิ่งฟังตอนเสียแล้วครับ 

เอ๋ : ก่อนหน้านี้พ่อเขาชอบร้องเพลงใต้ ก็ให้เขาฝึกร้องเพลงใต้ แต่เขาอยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เด็ก มันก็ไม่มีสำเนียงเท่าไหร่ ก็ต้องฝึก ทีนี้ซัมเมอร์ก็ส่งไปกระบี่เพื่อเรียนรู้สำเนียง เผื่อวันนึงร้องเพลงใต้ได้ แล้วก็เพลงของพี่ไท ธนาวุฒิ น้ำตาลาไทร มาแล้วแก้วตา จะได้ยินบ่อยมาก พี่เมฆเขาชอบร้อง 

เห็นพี่เก่งขนาดนี้ ความสามารถเยอะขนาดนี้ น้องรู้สึกยังไง?

แมม : ดีใจค่ะ หนูก็อยากเป็นทั้งนักร้องและนักแสดงค่ะ  

เอ๋ : เขาร้องได้ แต่ร้องไม่ตรงคีย์ ด้วยความเขาเป็นเด็กร่าเริงมากๆ มีช่วงจังหวะนึงในชีวิตทำให้เขาซึม และเปลี่ยนพฤติกรรม กว่าจะเอาเขากลับมาได้ต้องย้ายโรงเรียน จนเขากลับมาร่าเริงได้อีกครั้งนึง มันต้องฝึกหลายๆ อย่างใหม่ค่ะ ตอนนี้ร่าเริงแล้ว 

พี่เอ๋แข็งแรง ดูแลลูกทั้งสามคน มีวิธีการยังไง จัดการกับความเครียดความรู้สึกที่เข้ามายังไง?

เอ๋ : ก็ตั้งเป้าที่ลูกเป็นหลักเลยค่ะ เวลาเราท้อ ไม่ไหว ก็มองลูกก่อน ว่าเรามีอีก 3 คนนะที่เราต้องดูแลเขาให้เติบโต 

มีช่วงท้อ น้ำตาซึมคนเดียว แอบไม่ให้ลูกๆ เห็น?

เอ๋ : ไม่ให้เห็นค่ะ

ลูกๆ ทราบมั้ยว่าแม่น้ำตาซึม?

มารค :   รู้ครับ แต่ไม่รู้ว่าทำอยู่คนเดียว รู้เพราะตอนนั้นกำลังถึงเวลานอน กำลังจะเดินไปที่เตียงนอน เห็นคุณแม่ร้องไห้ดูรูปพ่ออยู่ ก็บอกแม่ วันนี้มารคนอนด้วยนะ แล้วก็กอดคุณแม่ครับ 

พลังความเป็นแม่ ไม่ว่าเหนื่อยขนาดไหน เห็นเลือดเนื้อเชื้อไขเราก็ยอมทำได้ทุกอย่าง พี่เอ๋ยอมอด ไม่ซื้อข้าวของ และสอนลูกเรื่องค่าใช้จ่าย?

เอ๋ : ด้วยความที่เขาสามคนเรียนโรงเรียนเกวลี อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล เรียนโรงเรียนอินเตอร์ไม่ได้หมายความว่าต้องเรียนแพง หรือสังคมต้องดีเลิศ ไม่ใช่นะคะ เพียงแต่ว่าโรงเรียนเป็นโรงเรียนนานาชาติเล็กๆ ค่าเทอมไม่ได้แรงมาก เหมือนโรงเรียนนานาชาติที่เราได้ยินกันที่บอกว่าเป็นล้าน ไม่ถึง ค่าเทอมแม่พอรับไหว แต่แม่ก็จัดการค่าใช้จ่ายของตัวเอง เช่น ค่าใช้จ่ายช้อปปิ้งที่ต้องซื้อของ เป็นผู้หญิงเนอะก็ต้องแต่งตัว ซื้อของ ก็ตัดตรงนั้นออกหมดเลย ชุดวนเวียนใช้อยู่เดิมๆ เพราะคิดว่ามันเป็นของนอกกาย ไม่จำเป็นต้องแต่งไปโชว์ใคร ไม่ต้องเยอะ เอาแค่สามารถใส่ได้ไม่ต้องอายใคร แต่ไม่ใช้ฟุ่มเฟือย อาหารก็ให้ลูกทานข้าวแกงได้ ทานอะไรพื้นๆ ทานทุกอย่างให้เหมือนทั่วไปทาน สมมติเราใช้ชีวิตปกติ ก็มีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศ อยากไปโน่นไปนี่ แม่ก็คุยกับลูกเลยว่าถ้าเรียนที่นี่ ต่างประเทศไม่ได้ไป นอกจากได้ออฟเฟอร์จากอากู๋ คือพี่น้องแม่ พี่น้องพี่เมฆที่อยู่ที่กระบี่ อันนั้นเขาซัปพอร์ตได้ ไม่มีที่แม่จะออกให้แล้วไป ถ้าจะเรียนก็ต้องแลกกัน ส่วนค่าใช้จ่ายของแม่ แม่ก็งดทุกอย่างเลย ที่เป็นของฟุ่มเฟือย แม่ไม่มีเครื่องประดับ ไม่ใช้อะไรเลย แต่แม่ทุ่มกับการศึกษาเขาทั้งหมด 

การลงทุนที่ดีที่สุดคือลงทุนเพื่อการศึกษาของลูก แต่หนึ่งอย่างที่จุกอกแม่มาก คือวันนึงพี่เอ๋รู้ว่าลูกสาวโดนบูลลี่?

เอ๋ : เป็นเหตุการณ์ก่อนพี่เมฆเสีย โรงเรียนเก่า มีช่วงนึง น้องแมมเคยเป็นคนร่าเริง ยิ้มง่าย ตอบโต้เร็ว เขาไวมาก วันนึงคุณยาย แม่ของพี่ก็บอกว่าหลานเปลี่ยนไป หลานซึม เราไม่เคยได้สังเกต เพราะเราไปทุ่มเทให้พี่เมฆหมด เราก็เห็นว่าเออ มันใช่ มันจริง อาก็บอกว่าหลานเปลี่ยนไปนะ แม่เลยตัดสินใจไปเฝ้าในโรงเรียน 7 วัน ไปนั่งดูเลย เฝ้าเช้ายันเย็น ช่วง 7 วันนั้นก็บอกอาเขาว่าให้ช่วยดูพี่เมฆหน่อย แม่อยากรู้ว่าทำไม เกิดอะไรขึ้น 7 วันนี้เราเห็นเลยว่าลูกเราต้องกินข้าวคนเดียว ถูกกันออกจากกลุ่ม 

แม่ทำยังไง?

เอ๋ : ถามเขา เขาไม่บอก จนเราต้องงัดว่าเกิดอะไรขึ้น คุยไปคุยมาเราเลยรู้ว่าเพื่อนเขาว่าเขาโง่ เขาช้ากว่าเพื่อน เพราะเขาเป็นเด็กสายกิจกรรม เราก็คิดว่าเฮ้ย ป.2 มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ แม่ก็กลับมาเล่าให้พ่อเขาฟัง สิ่งแรกที่พ่อเขาทำ คือลุกจากเตียง ทั้งที่ตอนนั้นยังมีน้ำเหลืองมีอะไรอยู่ ลุกเลยแล้วดูว่าเส้นนี้มีโรงเรียนอะไรบ้าง แม่ผู้ปกครองเพื่อนน้องมาร์ค เขาย้ายลูกไปก่อน เขาดีเอ็มมาบอกว่าอยู่ที่เกวลี อินเตอร์เนชั่นแนล สคูลนะ พอรู้ว่าเป็นโรงเรียนอินเตอร์ แม่ก็กลัวค่าใช้จ่าย ก็คุยกับพ่อเขาว่าเราจะไหวเหรอ ทีนี้พอไปถึงโรงเรียน ได้คุยกับผู้บริหารคนไทยก่อน ทัศนคติโรงเรียนนี้มีทัศนคติที่ดีมาก เปิดกว้างมาก และเข้าใจเด็กมาก บอกว่าลองมาเรียนก่อนก็ได้แม่ ว่ายังไง สามเดือนที่น้องแมมย้ายจากโรงเรียนเก่าไปเกวลี น้องแมมเปลี่ยนไปเลย อะไรที่ไม่เคยได้ เขาได้ เขาไม่เคยได้ภาษาไทยที่ชัดเจนเขาได้ ภาษาอังกฤษเขาดีขึ้น แล้วเขาตื่นแล้วรู้สึกว่าอยากไปโรงเรียน เขามีความสุข แม่เลยคุยกับพ่อว่าตัดสินใจย้ายลูกทั้งหมดมาเรียนที่นี่ แล้วยอมเหนื่อย 

ทำไมน้องแมมไม่ยอมบอกคุณแม่ว่าโดนเพื่อนแกล้ง?

แมม : กลัวแม่เสียใจ (ร้องไห้) 

ตอนนี้มีความสุขแล้วใช่มั้ย?

แมม : ค่ะ 

หนูเรียนเก่งด้วยใช่มั้ย?

แมม : ค่ะ คะแนนดีขึ้นค่ะ 

เอ๋ : จากได้ C มาเป็น B มาเป็น A+

กิจกรรมก็ไม่ทิ้ง พรุ่งนี้แสดงอะไร?

แมม : แสดงละครเวทีเรื่องพระสังข์หนีนางพันธุรัตน์ค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระสังข์เกิดมาเป็นหอยสังข์ เกิดมาในวัง แต่โหนกับพระมเหสีอีกคน ร่วมมือกันไล่พระสังข์ออกจากวัง หนูเล่นเป็นนางยักษ์ ตื่นเต้นค่ะ 

น้องเมิร์ชถามอะไร ที่ทำให้พี่เอ๋จุกเลย?

เอ๋ : ถามว่าป่ะป๊าตายแล้วเหรอ บางทีเหมือนเขาลืม พอเขานึกขึ้นได้ เขาก็จะบอกว่าอ๋อ ป่ะป๊าตายแล้ว อยู่สวรรค์ ป๊าสบายแล้ว เขาว่าอย่างนั้น

ตอนแรกๆ พี่เอ๋ก็ไม่รู้จะอธิบายเขายังไงดี?

เอ๋ : แรกๆ ก็สตั๊นก่อน แต่คือความจริงก็คือความจริง เขารับรู้มาตลอดอยู่แล้ว เราก็พูดความจริงกับเขาเลย ให้เขาเข้าใจว่าป่ะป๊าไม่อยู่แล้วนะ 

ล่าสุดทำบุญครบรอบ 1 ปีพี่เมฆ?

เอ๋ :   ทำเรียบร้อยแล้วค่ะ ทำที่บ้าน น้องๆ เขาก็ทราบ แม่ก็บอกเขาตลอดว่านี่ทำบุญครบปีป่ะป๊านะ 

บางครอบครัวอาจหลีกเลี่ยงอธิบายลูก พี่เอ๋พูดตรงไปตรงมาไปเลย มีหนึ่งอย่างที่พี่เอ๋น้อยใจพี่เมฆมาก?

เอ๋ : 1 ปีผ่านไป ไม่เคยมาเข้าฝันเลย พี่ขึ้นไปหาอ.ไพศาลบ่อย อ.ไพศาลบอกว่าที่ไม่มา พี่เมฆกลัวโดนด่า (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะตอนมีชีวิตอยู่ เขาป่วยหนัก เขาสัญญาไว้ว่าเขาหายแล้วจะพาเราไปโน่นนี่นั่นกันสองคน จะพาไปเที่ยวโน่นนี่ ซึ่งเขาทำไม่ได้ไง เขาไปก่อน 

อีกหนึ่งภาระหนักอึ้งที่แม่เลี้ยงเดี่ยวต้องแบกคือหนี้สิน จากหนี้ 6.5 ล้าน หนึ่งปีที่ผ่านมาเข้มแข็งและแกร่งมาก?

เอ๋ : อาจด้วยช่วงแรกๆ ที่พี่เมฆจากไป คนให้การสนับสนุนเยอะ ก็เลยมีงานอีเวนต์เยอะ ทำโน่นทำนี่เยอะ ได้เงินมาง่ายช่วงแรกๆ ได้เท่าไหร่แม่รีบไปถมให้บุคคลที่เขาเมตตาพ่อเมฆตั้งแต่แรก เขาให้เราด้วยความเมตตา พอเรามีปุ๊บต้องรีบเคลียร์บุคคลก่อน ส่วนเรื่องธนาคาร เป็นเรื่องปกติที่เราสามารถค่อยๆ เคลียร์ไปได้ แม่เคยคุยกับธนาคารแล้ว ธนาคารบอกว่าถึงคนจากไปแล้ว แต่หนี้ยังอยู่ เราถึงค่อยๆ เคลียร์แล้วค่อยปิด

ตอนนี้เหลือเท่าไหร่?

เอ๋ : ประมาณ 3 ล้านค่ะ สองแบงก์นะคะ แต่บุคคลตอนนี้หมดแล้วค่ะ พอได้เงินก้อนมาทุกครั้งก็รีบโปะเลย ได้มาแสน สองแสนก็เคลียร์ๆ จนหมด เพราะบอกเสมอว่าเราเป็นหนี้ คนเขาให้พ่อเมฆ ไม่ว่าให้ด้วยอะไรก็ตาม เขาให้ด้วยความเมตตา ฉะนั้นเราจะไม่ทรยศความเมตตาต่อเขา เป็นการสอนลูกไปในตัวว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความรับผิดชอบตรงนี้ เราเป็นหนี้โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี สุดท้ายแล้วเราก็ต้องใช้เขาก่อน เพราะเขาอาจมีความจำเป็นใดๆ ก็ได้ 

น้องมารค กับน้องแมม รับทราบเรื่องนี้มั้ย?

มาร์ค : รับทราบครับ 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama