
"ร้านค้าจีน" ขึ้นค่าบริการ 104% เฉพาะลูกค้าอเมริกัน ตอบโต้ "ทรัมป์" ขึ้นภาษีจีน 145%
สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนทวีความตึงเครียดขึ้นอีกระดับ เมื่อร้านค้าแห่งหนึ่งในประเทศจีนขึ้นป้ายประกาศเก็บ "เซอร์วิซชาร์จ" หรือค่าบริการเพิ่ม 104% สำหรับลูกค้าชาวอเมริกันเท่านั้น สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในโลกออนไลน์
ป้ายข้อความที่กลายเป็นไวรัลระบุเป็นภาษาจีนพร้อมคำแปลภาษาอังกฤษชัดเจนด้านล่างว่า
"ตั้งแต่วันนี้ ทางร้านจะเรียกเก็บค่าบริการ 104% สำหรับลูกค้าชาวอเมริกัน หากไม่เข้าใจ กรุณาติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ"
ภาพนี้ถูกเผยแพร่โดย Jeffrey J. Hall นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันซึ่งอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น เขาโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) พร้อมตั้งคำถามเชิงประชดประชันว่า
"ถ้าร้านค้าในญี่ปุ่นเรียกเก็บค่าบริการพิเศษ 10% จากชาวอเมริกันบ้าง คนจะรู้สึกยังไง?"
แม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใด หรือมีการเก็บค่าบริการนี้จริงหรือไม่ แต่ภาพที่แพร่กระจายออกไปก็กระตุ้นความไม่พอใจในหมู่ชาวอเมริกันจำนวนมาก บางรายมองว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการเลือกปฏิบัติโดยอิงจากสัญชาติ อันเป็นผลพวงจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ
ต้นเหตุของปฏิกิริยาครั้งนี้เกิดจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 145% เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ อ้างอิงจากนโยบายลดการพึ่งพาสินค้าจีนและตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีของจีนก่อนหน้านั้นนอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 เมษายน สหรัฐฯยังได้ปรับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 84% ขึ้นเป็น 125% รวมถึงเรียกเก็บภาษีอีก 20% สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิล ซึ่งเคยถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในภัยคุกคามด้านสุขภาพระดับประเทศ
จีนเองก็ไม่อยู่เฉย ตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีในวันเดียวกัน (10 เมษายน 2568)
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ไม่ได้ตอบโต้ เช่น ไทย ได้รับการผ่อนปรนจากสหรัฐฯ โดยมีการชะลอการเรียกเก็บภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน แม้ว่าภาษีนำเข้าทั่วไปจะยังคงอยู่ที่ระดับ 10%
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจเตือนว่า การตั้งกำแพงภาษีในอัตราที่สูงเช่นนี้อาจนำไปสู่การหยุดชะงักของการค้าโลก และอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะถดถอยในหลายประเทศ
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2561 และยังไม่มีแนวโน้มจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน ขณะที่การตอบโต้กันไปมาด้วยมาตรการทางภาษีก็ยังคงดำเนินต่ออย่างดุเดือด