(1).jpg)
ชายวัย 70 ทำพินัยกรรม ทนายยังอึ้ง เมื่อรู้ว่ายกมรดกให้ใคร เพราะไม่ใช่ญาติพี่น้อง
ไปพบทนายเพื่อทำพินัยกรรม ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อรู้ว่าชายวัย 70 เลือกใครเป็นผู้รับมรดก พอรู้เหตุผล ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก
เว็บไซต์ Kenh14.vn รายงานเรื่องราวของชายชาวเวียดนาม วัย 70 ปี ซึ่งตัดสินใจไปพบทนายเพื่อทำพินัยกรรม เมื่อทนายรู้ว่าทำมรดกให้ใครก็ต่างแปลกใจ เพราะทายาทผู้จะได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของเขาไม่ใช่ญาติพี่น้อง
ชายรายนี้ เล่าว่า "ฉันเพียงหวังให้ความตั้งใจและทรัพย์สินของฉันถูกใช้ตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริง
ฉันชื่อเหงวียน วัน ตวน ชายชราวัย 70 ปี อาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าโทรมที่ปลายตรอกเล็ก ๆ ตลอดชีวิตไม่เคยแต่งงาน ไม่มีลูกหลาน มีเพียงที่ดินไม่กี่แปลงกับเงินเก็บเล็กน้อยเป็นเพื่อนคลายเหงา ญาติพี่น้องบางคนแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ฉันรู้ดี พวกเขามาก็เพราะทรัพย์สินของฉันเท่านั้น
เย็นวันหนึ่ง ฝนตกพรำ ๆ หลานชายของพี่ชายคนกลางมาหาพร้อมสีหน้าเป็นกังวล “ลุงครับ ลุงก็อายุมากแล้ว ให้ผมดูแลลุงเถอะ เผื่อจะได้จัดการเรื่องหลังความตายของลุงได้...” ฉันแค่นหัวเราะ มองสบตาเขาแล้วพูดช้า ๆ “คิดว่าลุงไม่รู้เหรอ ว่าหนูหวังอะไร” เขาอึกอัก หน้าแดง ไม่กล้าพูดต่อ จากวันนั้น ฉันก็ตัดสินใจไม่รับความช่วยเหลือจากใครอีกเลย
ในห้องของฉันมีหีบไม้เก่าใบหนึ่ง ล็อกไว้แน่นหนา ญาติพากันซุบซิบ “สงสัยจะซ่อนทองไว้แน่ ๆ” บางคนถึงกับแอบค้นหา แต่ฉันไม่เคยปล่อยให้กุญแจห่างตัว วันหนึ่ง ลูกชายของพี่ชายคนโตแอบขโมยกุญแจ หวังจะเปิดหีบ ฉันโผล่มาทันพอดี พูดเสียงเย็นเฉียบ “ถ้าเธอเปิดมัน ลุงจะลบชื่อเธอออกจากพินัยกรรมทันที”เขาหน้าถอดสีแล้วรีบวิ่งหนีไป
ฉันมีน้องสาวคนเล็ก ครอบครัวยากจนที่สุดในพี่น้องทั้งห้า ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา น้องยังแวะมาหาฉันบ่อย ๆ บางครั้งก็เอาขนมหรือเสื้อผ้ามาให้ ทำให้ฉันซาบซึ้งใจ คิดจะมอบที่ดินแปลงหนึ่งให้เธอหลังจากฉันจากไป
แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน น้องมาหาฉันเพื่อขอยืมเงิน บอกว่าที่ผ่านมาเธอดูแลฉันมาตลอด ขอฉันช่วยให้ลูกชายของเธอ โดยขอยืม 100 ล้านดอง (ประมาณ 128,000 บาท) พอได้ยิน ฉันรู้สึกใจหาย ที่แท้ความห่วงใยตลอดหลายปี ก็เพื่อวันนี้เอง
ฉันไม่พูดอะไร เดินไปธนาคาร ถอนเงินแล้วมอบให้เธอ 100 ล้านดอง (ประมาณ 128,000 บาท) จากนั้น ฉันก็ลบชื่อน้องสาวออกจากพินัยกรรม โดยไม่เอ่ยคำใดอีกเลย
สุดท้าย ฉันตัดสินใจไปพบทนายความ จัดทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่องค์กรการกุศล 4 แห่ง นอกจากนี้ ยังมอบเงิน 200 ล้านดอง (ประมาณ 257,000 บาท) ให้หลานสาว ลูกของน้องสาวคนเล็ก ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 เพื่อเป็นทุนให้เธอเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย
มีคนหนึ่งในห้องทนายถามฉันว่า ทำไมไม่ยกทรัพย์สินให้ญาติ ช่วยเหลือคนในครอบครัวที่ลำบาก
ฉันตอบว่า “ผมไม่เคยรู้สึกถึงความผูกพันจากพวกเขาเลย พวกเขาทำดีกับผมเพราะหวังในทรัพย์สิน ไม่ได้จริงใจเหมือนเด็ก ๆ ที่ผมเคยไปเยี่ยมที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กพวกนั้นเรียกผมว่า "คุณตา" ด้วยความรักลึกซึ้ง ทั้งที่ผมไม่เคยให้ของขวัญหรือเงินกับพวกเขาเลย สิ่งเดียวที่ผมเสียใจ คือแก่เกินกว่าจะรับพวกเขามาเลี้ยงดู ให้ชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ตอนนี้จึงอยากยกทรัพย์สินไว้ให้ เพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโตไปได้อย่างมั่นคง”
ฉันเพียงหวังว่าเจตนารมณ์และทรัพย์สินของฉันจะถูกใช้ตามความตั้งใจ ส่วนญาติพี่น้องจะโกรธจะน้อยใจหรือไม่ เมื่อลมหายใจสุดท้ายหมดไปแล้ว ฉันก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไป"