
งงทุกทีเวลาเลือกซื้อ! น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันพืช เลือกยังไงดี?
งงทุกทีเวลาเลือกซื้อน้ำมัน! น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง พืช เลือกยังไงดี?
เคยยืนงงอยู่หน้าชั้นวางน้ำมันพืชในซูเปอร์มาร์เก็ตกันไหม? น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน...มีเต็มไปหมด แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงดี ถึงจะดีต่อสุขภาพ และเหมาะกับการทำอาหารของเรา
จริงๆ แล้ว “น้ำมันพืชแต่ละชนิด” มีคุณสมบัติต่างกัน และเหมาะกับการใช้งานต่างกันด้วย ลองมาดูข้อแตกต่างแบบเข้าใจง่ายกัน!
1. น้ำมันปาล์ม – ทอดกรอบดี ราคาประหยัด
- เหมาะกับ: การทอดแบบจุ่ม ทอดกรอบ เช่น ปาท่องโก๋ เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด
- จุดเด่น: ทนความร้อนได้ดี ไม่ไหม้ง่าย ราคาถูก
- ข้อควรระวัง: มีกรดไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง ใช้บ่อยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
2. น้ำมันถั่วเหลือง – ทำอาหารทั่วไป ดีต่อสุขภาพ
- เหมาะกับ: ผัด ทำน้ำสลัด หรือใช้ในเมนูที่ไม่ต้องใช้ไฟแรงมาก
- จุดเด่น: มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง มีโอเมก้า 3 และ 6 ดีต่อหัวใจ
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ทอดแบบไฟแรง เพราะมีจุดเกิดควันต่ำ
3. น้ำมันรำข้าว – ตัวท็อปเพื่อสุขภาพ
- เหมาะกับ: ผัด ทอด หรือนำไปทำอาหารสุขภาพ
- จุดเด่น: มีสารแกมมา-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงหัวใจ
- ข้อควรระวัง: ราคาสูงกว่าน้ำมันพืชทั่วไป
4. น้ำมันดอกทานตะวัน – เบา หอม ทำสลัดหรือผัดเบาๆ
- เหมาะกับ: เมนูสลัด ผัดจานเบา หรือใช้ปรุงอาหารฝรั่ง
- จุดเด่น: รสเบา ไม่มีกลิ่นแรง อุดมด้วยวิตามินอี
- ข้อควรระวัง: ไม่เหมาะกับการทอดไฟแรงมาก เพราะจะเสื่อมคุณภาพเร็ว
5. น้ำมันมะกอก – หรู สุขภาพดี ใช้ปรุงเย็น
- เหมาะกับ: ราดบนสลัด ทำพาสต้า หรือผัดเร็วๆ แบบเมดิเตอร์เรเนียน
- จุดเด่น: ไขมันดีสูงมาก ช่วยลดไขมันเลว บำรุงหัวใจ
- ข้อควรระวัง: Extra virgin ไม่เหมาะกับการทอด เพราะทนความร้อนไม่ได้
สรุปง่ายๆ เวลาเลือกซื้อน้ำมัน
ชนิดน้ำมัน | เหมาะกับ | จุดเด่น |
---|---|---|
น้ำมันปาล์ม | ทอดไฟแรง | ทนร้อนดี ราคาถูก |
น้ำมันถั่วเหลือง | ผัดทั่วไป | โอเมก้า 3 สูง ดีต่อหัวใจ |
น้ำมันรำข้าว | ทอด ผัด ทำอาหารสุขภาพ | ลดคอเลสเตอรอล |
น้ำมันดอกทานตะวัน | ผัดเบา ทำสลัด | วิตามินอีสูง |
น้ำมันมะกอก | ปรุงเย็น พาสต้า | ไขมันดีสูงมาก |
อย่าลืมนะ! การเลือกน้ำมันก็เหมือนการเลือกเสื้อผ้า ต้องเลือกให้เหมาะกับ “เมนู” และ “สุขภาพ” ของเราด้วย ถึงจะได้ทั้งความอร่อยและความปลอดภัยในระยะยาว
อ้างอิง: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข / สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา / รายงานโภชนาการปีล่าสุด (2566)