
ไขคำตอบ หมอเรียนสายวิทย์ แต่ทำไมถึงใช้คำว่า "ใบประกอบโรคศิลป์"?
เวลาเราพูดถึง "หมอ" หลายคนจะนึกถึงวิทยาศาสตร์, ชีววิทยา, เคมี, ระบบร่างกาย, กลไกของยา, เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างดูเป็น "วิทย์" ไปหมด
แล้วทำไมใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหมอกลับเรียกว่า "ใบประกอบโรคศิลป์" แทนที่จะเป็น "ใบประกอบโรควิทย์" หรืออะไรที่ดูเข้ากับสายวิทย์มากกว่านี้?
คำตอบอยู่ที่คำว่า "ศิลป์" นั่นแหละ
แพทย์ = วิทยาศาสตร์ + ศิลปะ
แม้ว่าการวินิจฉัยโรค การสั่งยา หรือการผ่าตัด จะต้องอิงจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ แต่การเป็นหมอไม่ใช่แค่การใช้สูตรหรือท่องตำราให้เป๊ะอย่างเดียว เนื่องจาก
- หมอต้อง ฟังคนไข้ให้เข้าใจ
- หมอต้อง อ่านระหว่างบรรทัดของอาการ
- หมอต้อง จับน้ำเสียง สีหน้า ความรู้สึก
- หมอต้อง สื่อสารข่าวร้ายอย่างมีความเข้าใจและเห็นใจ
- หมอต้อง เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับคน ไม่ใช่แค่โรค
ทั้งหมดนี้คือ "ศิลปะของการดูแลมนุษย์" ซึ่งไม่มีสูตรตายตัว และต้องใช้ทั้งประสบการณ์ สัญชาตญาณ และ หัวใจ
"โรคศิลป์" คืออะไร?
คำว่า โรคศิลป์ มาจากภาษาอังกฤษว่า "Art of Healing" หรือ "ศิลปะแห่งการเยียวยา" ซึ่งเป็นคำที่มีมาตั้งแต่โบราณ หมายถึง ศิลปะในการรักษาโรค ไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือหรือความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่รวมถึงความสามารถในการเข้าใจมนุษย์ด้วย
ใบประกอบโรคศิลป์ จึงเป็นเอกสารที่ยืนยันว่า ผู้ถือใบนี้ไม่เพียงมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ยังผ่านการฝึกฝน "ศิลป์ในการดูแลชีวิตคน" ด้วย
บทสรุป
หมออาจเรียนสายวิทย์ แต่การเป็นหมอที่ดีต้องใช้มากกว่าวิทยาศาสตร์ มันต้องใช้หัวใจ ใช้ศิลป์ ใช้ความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเรียกมันว่า "ใบประกอบโรคศิลป์" ไม่ใช่ "ใบประกอบโรควิทย์"