
"คิมจองอึน" ลักพาตัววัยรุ่นหญิงจากโรงเรียนไปเป็นทาสกาม แถมบังคับชนชั้นสูงดูการประหารชีวิต
เว็บไซต์ newsweek รายงาน ความโหดร้ายและการใช้อำนาจในทางที่ผิดของ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ไม่มีขีดจำกัด แม้แต่กับกลุ่มชนชั้นสูงของประเทศ
ภายใต้ระบอบเผด็จการอันเข้มงวดของเกาหลีเหนือ มีการลักพาตัวนักเรียนหญิงวัยรุ่นจากโรงเรียนเพื่อไปเป็นทาสทางเพศของ คิม และยังมีการบังคับให้กลุ่มชนชั้นสูงของประเทศต้องมาดูการประหารชีวิตต่อหน้าต่อตา ขณะที่ คิม เองใช้ชีวิตหรูหรา กินอาหารแพง ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องเอาตัวรอดด้วยการกินหญ้า ตามการเปิดเผยของผู้แปรพักตร์รายหนึ่งกับ เดลี มิร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ
เพื่อความปลอดภัยของผู้แปรพักตร์ ทางสื่อจึงใช้นามสมมุติว่า ฮียอนลิม หญิงวัย 26 ปี เป็นลูกสาวของนายทหารระดับสูงในรัฐบาล คิมจองอึน เธอให้สัมภาษณ์ในสถานที่ลับที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อเดือนกันยายนปี 2017เธอเล่าว่า คิมจองอึน บังคับให้ชนชั้นสูงของประเทศต้องชมการประหารชีวิต และตัวเธอเองก็เคยเห็นกับตาในเหตุการณ์ประหารชีวิตนักดนตรี 11 คน ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการผลิตวิดีโอลามก โดยนักดนตรีเหล่านี้ถูกประหารด้วย ปืนกลต่อต้านอากาศยาน และมีประชาชนถึง 10,000 คนถูกบังคับให้ดู
แม้ว่าเธอจะถือเป็นชนชั้นสูงเมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไป แต่วันนั้นเธอต้องยืนห่างจากจุดประหารเพียงแค่ประมาณ 60 เมตร
"พวกเขาสั่งให้พวกเราหยุดเรียน แล้วพาไปที่โรงเรียนนายร้อยในกรุงเปียงยาง ที่นั่นมีสนามกีฬา" ฮี กล่าวกับ มิร์เรอร์
"นักดนตรีถูกมัดมือเท้า ถูกปิดปาก และคลุมศีรษะ ไม่ให้ร้องขอชีวิตหรือส่งเสียงใดๆได้เลย ฉันรู้สึกคลื่นไส้ทันทีที่เห็น พวกเขาถูกมัดไว้กับท้ายปืนกลขนาดยักษ์"
หลังจากถูกยิงร่างของพวกเขาก็ "หายไป" ก่อนที่รถถังจะวิ่งทับซ้ำหลายครั้ง ตามคำบอกเล่าของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนและหลังที่ คิมจองอึน ขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 มีผู้แปรพักตร์จำนวนหนึ่งที่สามารถหลบหนีออกมาและเปิดโปงความโหดร้ายของระบอบนี้
ก่อนหน้านี้ ฮัก มิน (Hak Min) วัย 30 ปี ได้เปิดเผยกับ USA Today ถึงวิธีการล้างสมองที่เกาหลีเหนือใช้ข่มขู่ประชาชน ปัจจุบันเขาเปิดร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือในกรุงโซล หลังหลบหนีออกมาเมื่อปี 2013 และเปลี่ยนภาพผู้นำจาก คิมจองอึน เป็น สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขา
"ที่เกาหลีเหนือเขาจะสอนว่า -เรารู้ความคิดของเธอ- ถ้าเธอคิดไม่ดีต่อครอบครัว คิม พวกเขาจะรู้" ฮัก กล่าว
"แต่ในหนังสือชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ เขาบอกว่า -อย่าให้ใครควบคุมความคิดของเรา- ให้ทำในสิ่งที่เราต้องการ เป็นตัวของตัวเอง"
ถึงแม้ผู้แปรพักตร์จะช่วยเปิดเผยความจริงที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ แต่จำนวนผู้หลบหนีในช่วงปีหลังกลับลดลง โดยเกาหลีใต้รายงานว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคมในปีนั้น (2017) มีผู้หลบหนีเพียง 780 คน ลดลงจาก 1,417 คนตลอดทั้งปี 2016 ถึง 12.7%