(1).jpg)
สาวโดนแม่ตบหน้า หลังพูด "ความในใจ" ในงานศพพ่อ เผยเบื้องหลังสุดสะเทือนใจ
ลูกสาวโดนแม่ตบหน้าทันที หลังพูด “คำพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ” ในงานศพของพ่อ สุดท้ายตัดสินใจตัดขาด และเลือกใช้ชีวิตเพียงลำพัง
ปัญหาครอบครัวไร้ความอบอุ่นและความเครียดทางอารมณ์ เป็นสิ่งที่หลายครอบครัวต้องเผชิญและแก้ไขได้ยาก
หญิงสาวชาวไต้หวันรายหนึ่งโพสต์ใน Dcard แบ่งปันความรู้สึก หัวข้อ “ถูกแม่ตบหน้ากลางงานศพพ่อ” โดยเล่าชีวิตที่เติบโตมาในครอบครัวยากจน มีพี่น้องรวม 5 คน และเธอเป็นลูกคนที่ 2
เธอเล่าว่าพ่อแม่มีค่านิยมชายเป็นใหญ่ ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างให้กับลูกชาย 2 คน ส่วนลูกสาว 3 คน ต้องช่วยงานหนักในบ้านตั้งแต่เรียนประถม ไม่ว่าจะล้างจาน ตั้งร้านขายของ หรืองานหนักอื่น ๆ เพียงเพราะพ่อแม่เชื่อว่าลูกชายจะเลี้ยงดูพวกเขาในอนาคต ส่วนลูกสาวก็แค่ “แต่งออกไปเป็นภาระ”
เจ้าของเรื่อง เล่าต่อว่า นอกจากความไม่ยุติธรรมที่ได้รับแล้ว พ่อแม่ยังมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์อย่างรุนแรง เวลาโกรธ พ่อจะตะคอกเสียงดังใส่แม่ ส่วนแม่ก็จะระบายความเครียดทั้งหมดลงกับลูก ๆ พร้อมกับร้องไห้พร่ำบ่นว่า
“พ่อแม่เลิกกันไม่ได้ ก็เพราะพวกแกนั่นแหละ”
การถูกกดดันทางอารมณ์และการถูกบีบบังคับด้วยความรู้สึกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูก ๆ ทนไม่ไหว พี่สาวน้องสาวของเจ้าของเรื่องจึงเลือกใช้โอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนีไปเรียนต่างจังหวัด เพื่อหลุดพ้นจากครอบครัวนี้
แต่เจ้าของเรื่องกลับตัดใจจากพ่อแม่ไม่ลง จึงยอมอยู่ต่อ ทนใช้ชีวิตอย่างอดทน และช่วยดูแลทุกอย่างในบ้าน จนกระทั่งน้องชายทั้งสองเรียนจบมหาวิทยาลัย
แต่เมื่อน้องชายทั้งสองเรียนจบมหาวิทยาลัย กลับหมกมุ่นอยู่กับความคิดเรื่อง “รวยเร็ว” พยายามโน้มน้าวให้พ่อแม่นำบ้านไปจำนองเพื่อนำเงินไปลงทุน ทั้งที่ดูออกชัดเจนว่าเป็นการหลอกลวง
แม้จะเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง จนสุดท้ายพ่อแม่ทนไม่ไหว ตัดขาดความสัมพันธ์และไล่น้องชายทั้งสองออกจากบ้าน ส่วนเจ้าของเรื่องกลับกลายเป็นลูกเพียงคนเดียวที่ถูกคาดหวังให้รับผิดชอบเลี้ยงดูพ่อแม่ต่อไป
เจ้าของเรื่องเล่าว่า หลังจากพ่อเสียชีวิต เธอได้พูดกับพ่อในงานศพด้วยความรู้สึกจากใจว่า
“หวังว่าในชาติหน้าพ่อจะไม่ต้องมีลูกอีก… เพราะลูกไม่ใช่แหล่งความสุขของพ่อเสมอไป”
เธอยังอธิษฐานให้พ่อกับแม่ได้ใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
“การเป็นลูกพ่อมันเหนื่อยเกินไปจริง ๆ ขอให้ทุกอย่างในชาตินี้ผ่านพ้นไป และขอให้ชาติหน้าพ่อได้มีชีวิตที่มีความสุขกว่านี้”
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือฝ่ามือจากแม่ พร้อมคำด่าว่าอกตัญญู และประกาศตัดขาดความเป็นแม่ลูก
เจ้าของเรื่องบอกว่า ฝ่ามือนั้นทำให้ใจเธอแตกสลาย หลังจากนั้นเธอตัดสินใจบล็อกแม่ทั้งในไลน์และเฟซบุ๊ก เพื่อเริ่มต้นใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบ
ไม่นานหลังจากนั้น เธอกลับได้รับข้อความจากแม่ในช่องแชทที่ไม่รู้จัก เขียนตำหนิเธอว่า “จะทิ้งแม่ไว้แบบนี้เลยหรือ?”
แม่ยังพูดอีกว่า เดิมทีก็ไม่ได้อยากมีลูกมากขนาดนี้ แต่เป็นเพราะ “ย่าของเธอบอกว่า ลูก 1 คนจะให้เงินแม่เดือนละ 20,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 20,000 บาท) ในอนาคต” ถึงแม้ลูกคนนี้จะให้แค่เดือนละ 10,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 10,000 บาท) ซึ่งไม่ตรงกับที่หวังไว้ แต่แม่ก็ไม่เคยเรียกร้องเพิ่ม
แล้วถามเธอว่า แค่ขอเงินกินข้าว ทำไมถึงใจร้ายนัก แล้วก็เริ่มเล่นบทครอบครัวว่า “เราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวต้องสามัคคีกันถึงจะมีพลัง เข้าใจไหม?” พร้อมตำหนิเธอว่าอย่าเป็นเด็กที่ไม่มีเหตุผลนักเลย
เจ้าของเรื่องกล่าวว่า เธอจำได้ดีถึงความดีของพ่อแม่ ที่ทุ่มเททำงานหนักเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบโต จึงรู้สึกขอบคุณจากใจ แต่ความกดดันทางอารมณ์และการใช้คำพูดรุนแรงของพ่อแม่ ก็ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยใจ
เธอเล่าว่าพ่อแม่มักจะบ่นว่าเธอเป็นลูกที่ไม่กตัญญูและไม่รู้จักพอ โดยเฉพาะหลังจากพ่อป่วย ความโกรธของพ่อแม่ยิ่งรุนแรงขึ้น พ่อมักด่าว่าเธอเป็นคนไม่มีอนาคต และถ้ารู้ว่าลูกจะทำให้ชีวิตยากขนาดนี้ ก็ไม่ควรมีลูกเลย
แม้เธอจะทำตามคำสั่งเสียของพ่อเรื่องการถอดเครื่องช่วยหายใจ แม่ก็กลับโทษว่าเธอ “เป็นคนฆ่าพ่อ” และพูดว่า “เพราะมีลูกถึงต้องตาย” คำพูดเหล่านั้นฝังลึกในใจเธอจนรู้สึกว่า “ถ้าไม่มีฉัน พวกเขาคงมีความสุขกว่านี้”
สุดท้ายเมื่อแม่ส่งข้อความมาขอเงินอีกครั้ง เธอก็เลือกไม่ตอบและปล่อยผ่าน เพราะอยากขอใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบเสียที