เนื้อหาในหมวด ข่าว

รู้ไหม? ไม่ใช่หิ่งห้อย แต่มนุษย์ \

รู้ไหม? ไม่ใช่หิ่งห้อย แต่มนุษย์ "เปล่งแสง" ทุกวัน! วิจัยญี่ปุ่นจับภาพได้ ชัดสุดตอนกี่โมง?!!!

ร่างกายมนุษย์ “เปล่งแสงในความมืด” ได้จริง แม้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และสว่างที่สุดไม่ใช่ตอนกลางคืน!

รู้หรือไม่? นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นเคยจับภาพ “แสงจากร่างกายมนุษย์” ได้จริง แม้แสงจะอ่อนเกินไปสำหรับตาเปล่า ล่าสุด นักวิจัยยังต่อยอดแนวคิดนี้ไปใช้ในเทคโนโลยีชีวภาพล้ำยุค!

แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ร่างกายของมนุษย์สามารถ ปล่อยแสงออกมาได้เองตามธรรมชาติ ในระดับที่อ่อนมาก จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งไม่ได้เกิดจากความร้อนหรือรังสีอินฟราเรด แต่เป็น “แสงชีวภาพ” (bioluminescence) จริง ๆ ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการเผาผลาญพลังงานในเซลล์ของเรา

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ปี 2009 โดยนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นจาก Tohoku Institute of Technology และมหาวิทยาลัยเกียวโต ใช้กล้องจับแสงไวพิเศษ (ultra-sensitive imaging) ถ่ายภาพร่างกายของอาสาสมัครในห้องมืด พบว่า

  • แสงที่เปล่งออกมา มากที่สุดบริเวณใบหน้า ลำตัว และมือ

  • แสงมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา โดย สว่างที่สุดช่วงบ่าย และ ลดลงช่วงกลางคืน

  • แสงไม่ได้เกี่ยวข้องกับความร้อนของร่างกาย แต่เกี่ยวกับ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน ภายในเซลล์ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ

ปี 2024: นักวิทยาศาสตร์พัฒนา “แสงชีวภาพ” ต่อยอดใช้จริงในมนุษย์

ตามรายงานของเว็บไซต์ ScienceDaily แม้มนุษย์จะไม่เปล่งแสงให้เห็นได้เหมือนหิ่งห้อย แต่แนวคิดเรื่องแสงชีวภาพถูกนำไปต่อยอดทางการแพทย์อย่างจริงจังในปัจจุบัน เช่น

  • โปรตีนเรืองแสงแบบใหม่ : นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในยุโรปเผยแพร่ผลงานปี 2024 ว่าพัฒนา โปรตีนเรืองแสงชนิดใหม่ ที่ปลอดภัย สามารถใช้ในร่างกายมนุษย์ เพื่อการถ่ายภาพอวัยวะหรือเนื้องอกโดยไม่ต้องใช้สารกัมมันตรังสี หรือการผ่าตัด
  • กระตุ้นสมองด้วยแสงแบบไม่ผ่าตัด : ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในเดือนตุลาคม 2024 ว่าประสบความสำเร็จในการใช้ เทคนิค bioluminescent optogenetics ที่อาศัยการกระตุ้นเซลล์สมองด้วย “แสงชีวภาพ” ที่สร้างจากภายในเซลล์สมองเอง โดยไม่ต้องใส่อุปกรณ์จากภายนอกหรือเปิดกะโหลก
  • ท้านที่สุดเรื่องนี้จึงสรุปได้ว่า มนุษย์เรืองแสงได้จริง (แต่อ่อนมาก) และอาจเป็นอนาคตของเทคโนโลยีสุขภาพ แม้แสงจากร่างกายมนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่เป็นหลักฐานสำคัญว่า ภายในร่างกายเรามีปฏิกิริยาเคมีมหัศจรรย์เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งไม่เพียงน่าสนใจในทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่ การวินิจฉัยโรค ตรวจจับมะเร็ง หรือกระตุ้นอวัยวะในอนาคต ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด