เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"หมิว ลลิตา" หายจากวงการ 10 ปี เจอวิกฤตชีวิตผ่าตัด 2 ครั้ง เผยถึงลูกชายเข้าใจวัยรุ่นให้พกถุงยาง

นางเอกตลอดกาล หมิว ลลิตา ที่วันนี้มาเปิดสาเหตุของการหายหน้าจากวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี และอาการป่วยหนักที่ต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้ง เกือบทำให้เจ้าตัวเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต หนักสุดถึงขั้นนอนติดเตียง ครึ่งล่างชา ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ท็อป ดารณีนุช เป็นพิธีกรดำเนินรายการ  

หายไปจากวงการบันเทิงนานมาก ล่าสุดรับงานปีไหน?

หมิว : ละครเรื่องล่า ตอนนั้นอายุ 45 แล้วก็ไปเป็นพิธีกร 8 ปี อยู่กับพี่ท็อป แล้วหายไปจริงๆ เลย 2 ปี 

จริงไหมเขาลือกันว่าจะออกจากวงการบันเทิง?

หมิว : มันมีเหตุ ตอนนั้นหลังจากเรื่องสุดท้าย เราก็มาทำที่นี่ประมาณปี 60 เสร็จปี 62 ปรากฏมีโควิดเลยเกิดเป็นร้านกาแฟก่อน แล้วมาเปิดเป็นทางการเป็นที่พักประมาณปี 65  

หมิวเองไม่ได้คิดออกจากวงการเพื่อมาทำโรงแรมอย่างเดียว?

หมิว : ไม่ได้คิดขนาดนั้น แต่โฟกัสอยู่ที่ของใหม่ อยู่ที่สิ่งที่เราตั้งใจจะทำ 

ค่าก่อสร้างที่นี่ 8 หลัก?

หมิว : ก็ประมาณนั้น แต่ของดีทุกอย่าง เราคิดว่ามีจำนวนห้องน้อย มีแค่ 10 ห้อง ฉะนั้นทุกอย่างตั้งแต่ตอนทำ คนที่ทำบอกว่านี่ไม่เอากำไรเลยเหรอ คือเราอยากให้คนมาพักในอุปกรณ์ห้องที่ดี แล้วก็มีคุณภาพที่ดี อยากให้เขามากินอิ่ม นอนหลับ อยู่สบาย พักผ่อนอย่างมีความสุข ได้ควอลิตี้ชีวิตที่ดี ฉะนั้นสมกับการที่เราลงทุนให้กับแขกที่มาพัก 

ที่หมิวดูเหมือนหายไป ไม่รับงานในวงการบันเทิงเลย เพราะว่าหมิวป่วย?

หมิว : ทางจิต (หัวเราะ)  

อาการป่วยของหมิว หลายคนไม่เคยรู้ว่าหมิวต้องสู้กับอะไรมาบ้าง แล้วไม่ใช่แค่ระรอกเดียวนะ เป็นเรื่องของแกนกลางลำตัว หมอนรองกระดูก?

หมิว : ใช่ค่ะ เริ่มแรกมันปวดขาข้างนึง เราจะนั่งได้แค่ 2 ชม.เป๊ะ หมิวต้องเอาขามาไว้ข้างบน หรือไม่ก็นอนราบ ไม่สามารถวางขาไว้อย่างนี้ได้ อยู่ด้วยยาแก้ปวดมาเป็นปี แล้วก็ไปหาหมอ ตอนแรกเจอแล้วแหละว่าเป็นหมอนรองกระดูก แล้วฉีดสเตรอยด์ตอนแรกก็ยังอยู่ แต่พอฉีดไปสัก 3 เดือน ทีนี้เอาไม่อยู่แล้ว ก็ MRI อีกทีนึง ปรากฏว่าหมอนรองกระดูกแตก L5 ทับเส้นประสาท ทีนี้มันมีทางเลือก คุณหมอบอกผ่าเล็ก ผ่าสมัยใหม่ผ่านกล้องนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย 

ไปทำอะไรมา ทำไมหมอนรองกระดูกถึงขั้นแตก?

หมิว : คุณหมอบอกว่า มันไม่สามารถบอกเป็นข้อ 1.-2.-3. ได้ แต่คุณหมอบอกอาจจะมีการกระแทก หกล้ม พี่เป็นคนบาลานซ์ไม่ค่อยดี ชอบหกล้ม ที่บ้านตรงนู้นเป็นบันไดไม้ พอลงมาขั้นสุดท้าย แล้วลงไปสนามมันอีกขั้นนึง แล้ววันนั้นหมิวก็ตกบันไดมันก็อาจจะไปกระแทกอีกทีมันเลยทำให้แตกแล้วไปทับเส้นประสาท แล้วในช่วงก่อสร้าง เวลาเขามีหิน ปูน ทราย ชอบมากไปช่วยเขา ดึงไม้ ทำนี่ เฟอร์นิเจอร์ขึ้นตกแต่ง คือใช้ร่างแบบไม่ได้คิดว่ามันจะกระทบกระเทือนโดยอายุ 

ต้องผ่าเลยไหม?

หมิว : ก็ผ่าเลย พี่บอกว่าถ้าให้พี่อยู่อย่างนี้พี่อยู่ไม่ได้ 

มันถึงขั้นล้มหมอน นอนเสื่อเลยไหม?

หมิว : ตอนนั้นนั่งอยู่ในรถ พอ 2 ชม.หนูต้องยกขาขึ้นมา สูง ซึ่งเราจะใช้ชีวิตอย่างนั้นก็ไม่ได้ แล้วตอนนั้นมีคนติดต่อให้เล่นละคร 

หลังผ่าเป็นยังไง?

หมิว : ไม่ๆ ในช่วงนั้น ในช่วงก่อนผ่า ก็มีคนมาติดต่อนี่แหละ ให้นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก 2 ชม. แล้วพี่เจ็บขา พี่ต้องลุกขึ้นเดิน 

ตอนตัดสินใจผ่ามันกลัวไหม?

หมิว : ไม่กลัวนะ แต่ครั้งที่ 2 เป็นอีกข้างนึงพอหลังจากผ่าครั่งแรก 

ครั้งแรกหายไหม?

หมิว : หาย ไม่เป็นอะไรเลย พอครั้งที่ 2 ปวดอีกข้างนึง 

ครั้งแรกที่ผ่าใช้วิธีอะไร?

หมิว : ใช่กล้องเล็ก 3 วันออกจากโรงพยาบาล พักที่บ้าน 7 วันก็ทำงานได้แล้ว 

แล้วไปทำงานยกของอีก?

หมิว : ก็ไปทำงานกับเพื่อน ครั้งที่ 2 มันไม่ได้เกี่ยวกับเราใช้ชีวิต มันเกี่ยวกับอะไรก็ไม่รู้ 

หมิวต้องเข้าผ่าตัดครั้งที่ 2 เกี่ยวกับหมอนรองกระกูกเหมือนกัน?

หมิว : ไม่ใช่ มันเป็นซีสต์กดที่ก้นกบเส้นประสาท มีซีสต์อยู่ 4-5 เม็ด ตอนแรกหาสาเหตุไม่เจอ ทำ MRI มันไม่เห็นอะไรเลย มันไม่มีอะไรที่น่าเป็นไปได้ คุณหมอก็เลยทำอีกที สแกนมาถึงก้นกบข้างล่างเลย ปรากฏเจอซีสต์เกาะอยู่ 

พอเจอปุ๊บทำยังไง?

หมิว : ก็ต้องผ่าตัดแต่ต้องเสี่ยง มันคือผ่าตัดใหญ่  อาการนี่มันไม่ได้เป็นประจำ มันเป็น 1 ใน 100 มันไม่ใช่หมอนรองกระดูก ที่พี่เป็นมันไม่ค่อยมีใครเป็น 

พอหมอบอกว่านี่ไม่ใช่เคสปกติทั่วไป พี่หมิวต้องผ่า ตอนนั้นกลัวไหม เสี่ยงด้วย?

หมิว : ก็กลัว แต่ยังไงก็ต้องผ่า เพราะพี่ใช้ชีวิตแบบเจ็บไม่ได้ มันเจ็บมาก 

ได้สืบสาเหตุไหมว่าเป็นเพราะอะไร?

หมิว ; คุณหมอบอกว่าไม่มีสาเหตุ ก็เหมือนคนเป็นซีสต์ตามที่ต่างๆ ตามร่างกาย แต่นี่มันเส้นประสาท 

คุณหมอบอกไหมแผนผ่าตัดครั้งนี้เป็นยังไง?

หมิว : เป็นผ่าตัดแบบโบราณ ก็คือผ่าตัดใหญ่ประมาณ 10 เซน เพื่อจะเอาก้อนซีสต์ออกมา จำได้ ก่อนหลับมีคุณหมอเต็มห้องเลย 

การผ่าครั้งนี้มันมีตั้งหลายจุดแล้วผ่าใหญ่ ถ้าพลาดหรือเกิดอะไรขึ้น โอกาสที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรามีกังวลไหมว่า อัมพฤกษ์-อัมพาต จะมาถึงเรา?

หมิว : ตอนเจ็บไม่เคยคิด แต่ตอนพักฟื้นคิด คือเราเชื่อใจคุณหมอท่านนี้มาก ครั้งนี้พี่ก็เชื่อใจคุณหมออยู่แล้วว่าคุณหมอสามารถทำได้ แต่ตอนพักฟื้น มันพักแบบไม่ได้คิดว่าเราจะขยับไม่ได้ เพราะมันกลางหลัง เราก็นอนหงายไม่ได้แล้วนะ แล้วขึ้น-ลง บันได ไม่ได้ ครึ่งล่างมันจะชา มันเหมือนไม่ค่อยมีความรู้สึก คือเข้าห้องน้ำไม่ได้ ใช้ชีวิตลำบาก ตอนนั้นถึงรู้สึกว่ามันจะกลับมาเป็นปกติไหม 

นอนติดเตียงใช่ไหม?

หมิว : ใช่ ดูหนังเป็น 100 เรื่องเลย 

ขับถ่ายก็ไม่สะดวก เพราะร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว?

หมิว : ใช่ ต้องไปสวนที่โรงพยาบาล อยู่แบบนี้เป็นเดือน ใจเสียมาก 

เห็นว่าครั้งนี้ที่ป่วยหนักๆ สุขภาพจิตดีนะ คุยกับเพื่อนได้ แต่ก็พยายามปิดบังลูกไม่ให้ลูกรู้ว่าป่วย?

หมิว : ลูกคนโตเรียนอยู่ที่อเมริกา ก็ไปหาครึ่งทาง ตอนนั้น 1 ปีแล้วไปอเมริกา 30 ชั่วโมงไม่ไหวจริงๆ เลยเลือกที่จะไปเจอกันครึ่งทาง ก็ไปเจอที่อังกฤษ แต่ตอนนั้นเรายังนั่งเก้าอี้เข็น 

ลูกรู้ไหม?

หมิว : พอไปถึงลูกก็เห็น แต่ อีตั้น รู้เพราะเขาเป็นคนเข็น ตอนนั้นเดินได้ประมาณนึงก็พัก ฉะนั้นลูกก็รู้แล้วว่าแม่เป็นตรงนี้ คือหมิวเดินได้ แต่เดินในสนามบินยาวๆ ไม่ได้ ก็เลยต้องใช้วิลแชร์ช่วย แต่ไม่ถึงกับเอาวีลแชร์ไปใช้ที่นู้นนะ ใช้พักเอา 

ช่วงนี้ปกติหรือยัง?

หมิว : ก็ปกติ แต่คุณหมอบอกอย่าไปวิ่งเลย อย่าไปกระแทก คือมันสามารถเกิดขึ้นได้อีก เพราะหลังเรามันมีหลายข้อ อย่าไปกระแทก 

ผ่ามากี่ปีแล้ว?

หมิว : เกือบ 2 ปีแล้ว

ตอนนี้ถ้าจะไปเที่ยวต่างประเทศได้แล้ว ไม่ต้องใช้วีลแชร์?

หมิว : ได้แล้ว 

ลูก 2 คน น้องแพลงตอน และ น้องอีตั้น อายุเท่าไหร่แล้ว?

หมิว :  อีตั้น จะ 22 แพลงตอน จะ 24 คนโตจะเหมือนแข็งนอก อ่อนใน คนเล็กแข็งใน อ่อนนอก 

พอลูกขอไปเรียนอเมริกา ใจเป็นยังไงบ้าง?

หมิว : ตอนแรกก็คิดถึง แต่พอยิ่งไปถึงแล้วโควิดมา เป็นห่วง ไม่มีความสุขเลยในรอบที่ลูกอยู่ต่างประเทศ โลกมันไม่เหมือนเดิมก็เลยค่อนข้างที่จะกลัว เพราะมันมีอยู่ช่วงนึงที่มีคนโดนทำร้ายร่างกายเกี่ยวกับคนผิวสี 

เขาไปเรียนทำหนังเหรอ?

หมิว : เป็นหนัง คือชอบคุยเรื่องหนังกัน มีไปฝึกงานบริษัทโฆษณาช่วงกลางปี แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้บอกว่าอยากที่จะทำงาน ขอพักก่อน 

มีเรื่องนึงเซอร์ไพรส์แม่มาก ก่อนที่ลูกจะบินไปต่างประเทศ พาลูกแวะร้านสะดวกซื้อ?

หมิว : คือแม่กำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน เอ๊ะ…เด็กผู้ชาย มหาวิทยาลัย ผู้หญิงสวยๆ เยอะ อยู่ดีๆ เข้าเมืองฝรั่ง เซเว่นเลยลูก ซื้ออะไรครับแม่ ซื้อถุงยาง 

พอบอกลูกแบบนั้น คุณลูกทำยังไง?

หมิว : คุณลูกก็ต้องลง  เพราะคุณแม่นั่งขับอยู่ตรงนี้ ก็บอกลูกว่าไปซื้อ เพราะแม่ไม่รู้ว่าที่นู้นมีขายง่ายหรือเปล่า แล้วโควิดอีก กว่าจะเข้า ออก แถวนั้นไม่รู้มีซุปเปอร์หรือเปล่า ไปซื้อเซเว่นเลย 

ลูกเลยซื้อมากล่องเดียว?

หมิว : เปล่า แม่บอกเอามาให้ได้มากที่สุด แล้วปรากฏว่าช่วงนั้นเป็นช่วงรักษ์โลกไม่ใช้ถุงพลาสติก แล้วลูกไม่ได้เอาถุงผ้าไป เดินออกมาลูกพี่ถือถุงมาแบบนี้  

ลูกก็จบกลับมาแล้วบอกคุณแม่อยากเรียนต่อ คุณแม่ทำยังไง?

หมิว : ไม่อยากให้ไป 

อยู่ในช่วงตัดสินใจเหรอ?

หมิว : เป็นช่วงตัดสินใจ แต่เขาเป็นคนตัดสินใจ ถ้าเขาจะไปก็ต้องให้ไป มันชีวิตเขา เขาโตแล้ว 

อีตั้นละเห็นว่าสาวๆ กรี๊ด?

หมิว : ตั้งแต่จบไฮสกูลก็เตรียมตัวเป็นนายแบบ ตอนอายุ13 มีคนชวนให้ไปเดินแฟชั่นวีค ถามว่าอยากเดินไหม อยาก แต่จะเดินยังไง ไม่เชื่อว่าแม่เคยเป็นนางแบบมาก่อน แต่ไม่มีรูปไง แต่อุ๋ม อาภาศิริ ยังเป็นนางแบบอยู่ และเป็นครูสอนนางงาม นางแบบเดิน  ก็เลยเอาไปให้อุ๋มสอนเดินตอนอายุ13  ช่วงอายุ20 จบไฮสกูล ปลายๆ โควิด ก็มีหลุยส์ วิตตอง มาจากต่างประเทศ มีโชว์ใหญ่ อีตั้นก็ไป ก็ไปต่อแถวเป็นร้อยๆ เลย ทุกครั้งที่เขาเดินแบบ เขาก็เป็นคนธรรมาคนนึง ไปต่อคิว รอแล้วก็แคส เหมือนทุกคน

ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร แบบเป็นลูกแม่หมิวนะ?

หมิว : ไม่มี ลูกไม่เคยได้สิทธิ์นี้จากแม่อยู่แล้ว เขาก็ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้ปีกแม่ เขาก็อยากวัดตัวเอง เขาก็ไปแคสและได้งานหลุยส์ วิตตอง จากนั้นก็ได้งานมาเรื่อยๆ ก็ทำเป็นอาชีพต่อมายาวเลย 

ตอนไปหลุยส์ วิตตอง แม่ก็ไปเชียร์ ถ่ายวีดิโอลูกตลอดงานเลย พอเอามาดูเป็นยังไง?

หมิว : ไม่ใช่ลูก ฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนแต่งแปลกหมดเลย แล้วหน้าเหมือนฝรั่งหมดเลย 

สถานะหัวใจของหมิวเป็นยังไงบ้าง?

หมิว : ประสบการณ์ตรงนั้นมันไม่ได้ประสบความสำเร็จ ตอนนี้เลยมุ่งอยากให้ลูกมีความสุขกับความรักของตัวเอง เป็นทีมซัพพอร์ตลูก อยากให้ลูกมี อยากให้ลูกโอเค แล้วลูกจะมีประสบการณ์ของลูกเองมีทั้งดีและไม่ดี เราไม่อยากไปกำหนดเขา 

ลึกๆ อยากให้ลูกประสบความสำเร็จเรื่องความรักก่อน?

หมิว : ใช่ แล้วกลัวเขาจะคิดว่าเราแบ่งใจไปให้คนอื่น 

อยากฝากอะไรบอกลูกทั้ง 2 คนไหม?

หมิว : รักทุกวันอยู่แล้ว ที่ลูกทำดีที่สุดอยู่แล้ว แม่พอใจในวันนี้แล้วก็ดีใจที่พี่ตอนประสบความสำเร็จเรียนจบให้คุณแม่ แล้วอีตั้นตั้งใจทำงาน มาเยี่ยม มาดูแลคุณยาย ห่วงแม่ ห่วงยาย แม่ไม่คิดว่าเด็กผู้ชายจะทำได้แบบนี้ ก็รักและภูมิใจในลูกมาก

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

รักหวาน \

รักหวาน "ท็อป ดารณีนุช" แพลนแต่งงานอีกครั้ง "หมิว ลลิตา" เตรียมสถานที่ให้

ท็อป ดารณีนุช รักครั้งใหม่หวานในวัย 56 แพลนจัดงานแต่งเล็กๆ ฉลองกับเพื่อนๆ หมิว ลลิตา เตรียมสถานที่ให้