.jpg)
ยิ่งล้างยิ่งพัง! หมอเตือนสยอง 4 พฤติกรรมล้างจานผิดๆ ที่เป็นพิษ เสี่ยงโรคตับ-มะเร็งเงียบ
เตือนภัย! 4 พฤติกรรมล้างจาน "ยิ่งล้างยิ่งสกปรก" เสี่ยงสะสมสารพิษ ทำลายตับโดยไม่รู้ตัว
หลายคนอาจคิดว่าการล้างจานเป็นเรื่องง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว พฤติกรรมล้างจานผิดๆ ที่เราทำเป็นประจำ อาจกลายเป็นภัยเงียบที่บ่อนทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ล่าสุดเว็บไซต์ข่าว SOHA ได้รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลแพทย์จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ได้ออกมาเตือนถึง 4 วิธีล้างจานที่คนส่วนใหญ่มองว่า “สะอาด” แต่จริงๆ แล้วอาจก่ออันตรายให้กับร่างกายและคนในครอบครัวในระยะยาว
1. แช่จานในน้ำยาล้างจานนานเกินไป
หลายคนเข้าใจว่าแช่นานๆ จะช่วยให้คราบอาหารอ่อนนุ่มลงและล้างง่ายขึ้น แต่การแช่นานเกิน 30 นาที โดยเฉพาะในน้ำยาล้างจานราคาถูก อาจทำให้สารเคมี เช่น สารลดแรงตึงผิว สี กลิ่นสังเคราะห์ ซึมเข้าสู่ผิวของจานชาม โดยเฉพาะภาชนะพลาสติกหรือเซรามิกคุณภาพต่ำ ทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียชั้นดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและอับ
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ สารพิษสะสมในอาหาร ตับทำงานหนักขึ้นเพื่อขับของเสีย และอาจนำไปสู่โรคร้าย เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง ตับเสื่อม หรือแม้แต่มะเร็งตับ ดังนั้น ไม่ควรแช่นานเกิน 30 นาที และหากต้องการช่วยให้คราบล้างออกง่าย ให้ใช้น้ำอุ่นแทนการเพิ่มเวลาแช่ในน้ำยาล้างจาน
2. เทน้ำยาล้างจานลงจานโดยตรง
การเทน้ำยาล้างจานลงจานโดยตรงแล้วค่อยขัด เป็นสิ่งที่หลายคนทำเพราะเชื่อว่าสะอาดกว่า แต่ความจริงคือ สารเคมีเข้มข้นจะเกาะแน่นบนจาน และล้างออกได้ยาก โดยเฉพาะหากใช้น้ำเย็นหรือแค่ล้างผ่านๆ ซึ่งเสี่ยงทิ้งสารเคมีตกค้าง
ทั้งนี้ การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนแม้เพียงเล็กน้อย อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือในระยะยาวก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและตับอักเสบ ดังนั้น แนะนำว่าควรผสมน้ำยาล้างจานให้เจือจางในอัตราส่วน 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วใช้ฟองน้ำจุ่มแทนการเทตรงๆ
3. ใช้น้ำยาล้างจานมากเกินไป
ความเชื่อที่ว่า "ใช้เยอะจะยิ่งสะอาด" เป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง เพราะหากใช้น้ำยามากเกินไปแต่ล้างไม่สะอาดพอ ก็เสี่ยงทิ้งสารเคมีตกค้างไว้บนภาชนะ โดยเฉพาะในจานที่มีคราบมัน และหากใช้เพียงน้ำเย็นล้างออก ยิ่งทำให้ล้างสารเคมีไม่หมด
สารตกค้างเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย และอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ในอนาคต ทางที่ดีกว่าคือใช้น้ำยาล้างจานในปริมาณที่เหมาะสม เจือจางก่อนใช้ และล้างด้วยน้ำอุ่นหรือล้างซ้ำอย่างน้อย 2-3 รอบ จนกระทั่งแน่ใจว่าสะอาดหมดจด
4. เก็บจานชามทั้งที่ยังเปียก
หลังล้างจานเสร็จแล้ว หลายคนมักรีบนำจานชามเปียกๆ ไปเก็บในตู้ หรือตั้งซ้อนกันไว้โดยไม่ผึ่งให้แห้งก่อน การกระทำนี้เปิดโอกาสให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตในสภาพชื้น โดยเฉพาะ อะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นเชื้อราที่อันตรายถึงขั้นก่อมะเร็งตับ
พฤติกรรมเช่นนี้ นอกจากสุขภาพจะเสี่ยงโรคแล้ว จานยังอาจเกิดรอยด่าง มีกลิ่นอับ และเสื่อมสภาพไว ดังนั้น ควรผึ่งให้แห้งสนิทในที่โล่ง อากาศถ่ายเท และหากเก็บเข้าตู้ ควรเลือกตู้หรือชั้นวางที่มีช่องระบายอากาศ และจัดวางภาชนะให้ระบายน้ำได้ดี เช่น วางปลายตะเกียบหรือช้อนขึ้นด้านบน
เมื่อเริ่มต้นล้างจานทุกครั้ง ควรจำไว้เสมอว่า การล้างจานให้สะอาดไม่ใช่แค่การขจัดคราบ แต่ต้องใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันสารตกค้างและเชื้อโรค ที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายสุขภาพของคุณเองและคนที่คุณรัก
- หลายบ้านยังทำ! ช่างไฟเตือนอย่าวาง 3 สิ่งนี้ไว้บน "ตู้เย็น" เปลืองไฟมาก แถมเสื่อมสภาพเร็ว
- กราบเคล็ดลับ ต่างชาติสอนวิธีใส่ "ถุงมือพลาสติก" ไม่หลุด ไม่เลอะ ไม่ต้องพึ่งหนังยางรัด!