เนื้อหาในหมวด ข่าว

สาวป่วยบ่อย ลองกิน 3 อาหาร ตามสูตร \

สาวป่วยบ่อย ลองกิน 3 อาหาร ตามสูตร "หมอญี่ปุ่น" รีวิวผลลัพธ์ปาฏิหาริย์ แบบไม่ต้องพึ่งยา!

“ไม่ป่วยอีกเลยใน 3 เดือน!” สาววัย 25 แชร์ประสบการณ์จริง แค่กิน 3 อย่างนี้ตามคำแนะนำหมอญี่ปุ่น

3 เดือนกับ 3 เมนูธรรมดา ช่วยเปลี่ยนร่างกายจากคนป่วยบ่อย เป็นคนแข็งแรงได้จริง! แชร์ประสบการณ์จริงจากสาววัย 25 โดยไม่ต้องใช้วิตามินแพง ๆ ไม่ต้องเข้าคอร์สดีท็อกซ์ แค่กินให้ถูกต้องตามคำแนะนำของหมอญี่ปุ่น

ตามรายงานระบุว่า หญิงสาววัย 25 ปี ผู้เคยเจอปัญหาสุขภาพบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง ต้องเผชิญกับอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไข้หวัด คัดจมูก และอ่อนเพลีย เป็นประจำจนเคยชิน กระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญเจอบทความในเว็บไซต์ Express ที่เปลี่ยนวิธีดูแลสุขภาพของเธอไปอย่างสิ้นเชิง 

บทความนั้นกล่าวอ้างถึง นพ.ฮิโรชิ ทาเคดะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันชาวญี่ปุ่น ซึ่งเผยเคล็ดลับง่ายๆ ว่าตัวเขาเองสามารถลดจำนวนวันป่วยลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่ด้วยการกินยา แต่ด้วยอาหาร 3 อย่างที่รวมอยู่ในมื้อประจำสัปดาห์ ซึ่งก็คือ

  • เห็ดชิทาเกะ (Shiitake mushroom)  หรือเห็ดหอม ซึ่งมีเบต้ากลูแคนและเลนติแนน ซึ่งช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน

  • กิมจิ (Kimchi) อาหารหมักสไตล์เกาหลีนี้ไม่ได้แค่รสอร่อย แต่ยังอุดมด้วย โพรไบโอติก ที่ส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกัน

  • ผลไม้ตระกูลส้ม ที่กินพร้อมเยื่อสีขาว ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เฮสเพอริดิน และ เควอซิทิน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน 

  • “ฉันตัดสินใจเริ่มต้นลองกินตามดู ทั้งที่ไม่คาดหวังอะไรมาก แต่ผลลัพธ์กลับน่าทึ่งมากกว่าที่คิด” หญิงสาวพูดถึงสุขภาพของตนเองว่า จากคนที่ป่วยบ่อยทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน กลายเป็นคนแข็งแรงขึ้นแบบชัดเจน ภายในเวลาเพียง 3 เดือนหลังจากได้ลองกินตามคำแนะนำ มีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ถึง 4 การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน คือ

    • อาการจามและคัดจมูกในตอนเช้าหายไป แม้อากาศเปลี่ยนก็ไม่ป่วยง่ายเหมือนก่อน

    • ไม่ต้องลางานเพราะป่วยเลย แม้เพื่อนร่วมงานบางคนจะเป็นหวัด

    • รู้สึกตื่นตัว สดชื่นขึ้นในตอนเช้า ไม่มีอาการมึนหรือเพลียเรื้อรัง

    • ไม่มีอาการเหนื่อยล้าระหว่างวัน ทั้งที่งานยังยุ่งเหมือนเดิม

    โดยเธอเล่าว่า พยายามทานเห็ดหอมอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง ในขณะที่กลายมาเป็นอาหารโปรดของเธอ ถือเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ทุกมื้อเที่ยงไปแล้ว ในขณะเดียวกันเธอไม่เพียงแต่ทานผลไม้สดตามคำแนะนำเท่านั้น แต่ยังดื่มน้ำอุ่นผสมเลมอนพร้อมเปลือกทุกเช้า ซึ่งเป็นกิจวัตรใหม่ที่ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นจริงๆ 

    ทั้งนี้ เธอยังบอกด้วยว่า ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้มาจากอาหารอย่างเดียว แต่รวมถึงเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เช่น เดินวันละ 2–3 กิโลเมตร หรือเล่นโยคะ 1 ชั่วโมง, ปรับเวลานอนให้หลับก่อน 4 ทุ่ม และตื่นตี 5 เพื่อออกกำลังกายเบาๆ, เลี่ยงการนอนดึกและใช้จอมือถือก่อนนอน