เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดชีวิต \

เปิดชีวิต "โจอี้ ภูวศิษฐ์" เด็กไทบ้านสู่นักร้อง 500 ล้านวิว เผยความรักกับ "เจน เนลินญาน์" นางเอก MV

นักร้อง 500 ล้านวิว โจอี้ ภูวศิษฐ์ ที่วันนี้จะมาย้อนเล่าเส้นทางชีวิตจากเด็กต่างจังหวัดสู่ศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย เกือบถอดใจกับวงการเพลง พร้อมกับการมูเตลูขั้นสุดเปลี่ยนทั้งชื่อ นาทสกุล อีกทั้งยังเปิดเส้นทางความรักกับแฟนสาว เจน เนลินญาน์ นางเอกเอ็มวีนะหน้าทอง เข้าตำรา นักร้องหนุ่มหน้าหล่อกับนางเอกเอ็มวีคนสวย ผ่านทาง รายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ชมพู่ ธัณย์สิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เรียกว่าหนุ่ม 500 ล้านวิวได้ไหม?

โจอี้ : ครับ

แต่กว่าจะมาเป็นหนุ่ม 500 ล้านวิวมันไม่ง่าย เรียกว่าชีวิตวัยเด็กลำบากเหมือนกัน?

โจอี้ : ครับ ฐานะทางครอบครัวถือว่าลำบาก แต่เราไม่รู้สึกลำบาก พออยู่ได้ แฮปปี้ในความเป็นครอบครัวเกษตรตกร ลูกชาวนา

คุณพ่อเสียตั้งแต่โจอี้เด็กๆ เหรอ?

โจอี้ : ตั้งแต่ 5 ขวบ ก็อยู่กับแม่ ตา ยาย ได้ความช่วยเหลือจากครอบครัวทางฝั่งพ่อด้วย ผมก็เหมือนเด็กไทบ้านทั่วไปเลยครับ อยู่ง่ายๆ กับทุ่งนา เล่นกับเพื่อนโดดน้ำเล่น เหมือนเด็กอีสานทั่วไป

ที่บ้านไม่ได้มีแค่เรา?

โจอี้ : ไม่ได้มีแค่เรา มีลูกของลุง 2 คน แล้วก็พี่สาว ครอบครัวผมจะเป็นหลานสาวหมด ผมจะเป็นหลานชายคนเดียว อยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด

ช่วงชีวิตตอนเด็กไม่ได้คิดว่าลำบาก เพราะเด็กสนุกสนาน แล้วช่วงนึงรู้สึกว่าขาดอะไรไหม เพราะคุณแม่ก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพ?

โจอี้ : ไม่นะรรับ ตัวผมไม่รู้สึกว่าจะต้องเรียกร้องอะไร ยายก็เลี้ยงดูเรามาดี ตาก็เลี้ยงดูเรามาดี แม่ก็ดูแลเราดี เราก็รู้สึกว่าครอบครัวเราก็อบอุ่นดี ก็รู้สึกมีความสุขดี เพื่อนก็น่ารัก ชีวิตวัยเด็กตอนนั้นมันก็มีความสุขมากๆ คือตั้งแต่พ่อเสีย จำได้ว่าแม่ก็ต้องมาทำงานที่กรุงเทพเลย เพราะว่าแม่เป็นคนหาเงินเพื่อจุนเจือครอบครัว คือเป็นเสาหลัก

แม่มาทำอะไรพอจะทราบไหม?

โจอี้ : นวดแผนโบราณครับ นวดไทย ถ้าผมปิดเทอมก็จะมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพ หรือบางเทศกาลแม่ก็จะกลับมาหา

แม่ใจดีมาก?

โจอี้ : ใช่ครับ แม่จะหามาให้ แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยเรียกร้องอะไร ก็รู้ว่าแม่ลำบาก กว่าจะหาเงินได้ในแต่ละวัน แต่พอเข้าสู่วัยรุ่นก็บอกแม่ผมอยากฟังเพลง อยากได้มือถือที่มันเปิดเพลงฟังได้ แม่ก็หามาให้ แต่แม่เรากว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิด คิดว่าแม่คงหาเงินได้

แล้วมารู้ความจริงตอนไหน?

โจอี้ : ตอนโตครับ ตอนที่เราเริ่มที่จะทำงาน เริ่มโตขึ้น เริ่มคิดว่าบ้านเราน่าจะดีกว่านี้ น่าจะซ่อมบ้านให้ดีกว่านี้ ก็เลยคิดว่าแม่น่าจะหาเงินยาก เพราะว่าแม่ผมไปหลายที่มาก บางทีไปต่างประเทศ ต้องดิ้นรนไปอยู่ไกลบ้านตั้งหลายปี ส่งลูกเรียน 2 คน ผมก็เลยคิดกับตัวเองว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัวนี้ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่อยู่ได้

เห็นแม่เหนื่อย ที่ผ่านมาแม่ไปกู้หนี้ ยืมสิน ก็เลยคิดว่าแม่นี่แหละเป็นไอดอลในการใช้ชีวิตของเรา?

โจอี้ : ใช่ครับ แม่เป็นฮีโร่ของผม เรามีเป้าหมายเดียว คืออยากให้ครอบครัว อยู่ดีกินดี แต่ไม่รู้ทำได้หรือเปล่า เพราะตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนักร้อง ยังไม่ได้ไปเรียนครูเลย ตอนนั้นก็คิดเลยเป้าหมายแรกให้ครอบครัวสบาย

แสดงว่าที่เราเลือกเรียนครู คืออยากทำให้ครอบครัวดีขึ้น?

โจอี้ : ใช่ครับ ตอนแรกผมจบ ม.6 ตอนแรกคิดว่าจะเรียนอะไรดี ก็ตัดสินใจลองสอบครู เรียน 5 ปี จบมาเผื่อได้บรรจุ รับราชการ สวัสดิการดี ได้ดูแลตายาย แม่  คิดแค่นั้นเลยครับ

เกือบได้เป็นครูหนุ่ม แต่เส้นทางพลิกผัน จากครูมาสู่เดอะวอยซ์?

โจอี้ : ครับตอนนั้นอยู่ในช่วงผมเรียนมหาวิทยาลัยใกล้จบแล้ว อยากทำอะไรที่มันท้าทายตัวเอง สิ่งที่เราชอบคือ การร้องเพลง เดอะวอยซ์มันไกลตัวมากเลย ถ้าเราได้เข้าไปมันเกินที่เราฝัน เกินที่เราคิด

ใครพาไป?

โจอี้ : ผมสมัครเองเลยครับ ตอนนั้นผมอยู่ปี 4 กำลังฝึกสอนอยู่ ใกล้จบแล้ว ส่งคลิปไปเลย เขาบอกผ่านเข้ารอบ ต้องมาคัดตัวที่กรุงเทพประมาณ 2 รอบ ก็นั่งรถบัสมา แล้วแม่ก็พามาทีนึง ขอเงินพี่สาว คือซัพพอร์ตกัน

เป็นการประกวดครั้งแรก แต่ทำผลงานได้ประจักษ์สายตาโค้ชมากๆ จนจบรายการไม่เป็นแล้วครู มาอยู่บ้านพี่โปรดิวเซอร์?

โจอี้ : ครับ พอจบรายการ เรารู้สึกว่าอารมณ์มันค้าง มันยังไม่สุด ยังอยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับเส้นทางนี้อีกที แล้วพอดีพี่โปรดิวเซอร์มาชวนทำเพลง แล้วไปอยู่บ้านกับเขา สัก 3 ปี ถ้ามันไม่สำเร็จ โจอี้ค่อยกลับไปสอบครู ผมก็ไปอยู่กับพี่เขา และอยู่กับพี่ป๊อบ เพราะผมอยู่ทีมพี่ป๊อบ อยู่ด้วยกัน ไปทำบุญ ช่วงโควิดก็อยู่แต่บ้านพี่ป๊อบ

พอเราเข้ามาตรงนี้ เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราอยากทำ?

โจอี้ : ใช่ครับ มันจะมีความรู้สึกแบบว่ากูต้องมาวะ พักการสอบครูไว้ก่อน ยังไงก็ต้องมาลุยสายนี้ พี่แบงค์ โปรดิวเซอร์เขาบอกว่าเสียงอย่างเอ็ง คือเสียงฟ้าประทานจะเสียดายมากถ้าเอ็งไม่ไปต่อ ผมก็ไปอยู่บ้านพี่แบงค์ 3-4 ปีเลยนะ อยู่ด้วยกันจนไปทัวร์คอนเสิร์ตกับพี่ป๊อบ ผมไปเป็นมือกีต้าร์ให้พี่ป๊อบ จนได้เซ็นสัญญาอยู่ค่ายแกรมมี่

กี่ปีถึงได้เซ็นสัญญา?

โจอี้ : ผมว่าน่าจะประมาณ 3 ปี พอปีสุดท้ายที่จะครบ 3 ปี ประมาณ 2-3 เดือน เพลง ดวงเดือนผมปล่อยมาแล้ว แต่มันไม่ประสบความสำเร็จตรงที่ว่า มันดังนะตอนช่วงโควิด แต่คนไม่ได้รู้จักว่าเพลงนี้เป็นของใคร ถ้าเป็นทุกวันนี้ เรายังไปถ่ายรายการ ทัวร์คอนเสิร์ตได้เพราะเพลงมันดัง ตอนนั้นเพลงดัง แต่คนไม่รู้จักเรา ไม่มีคอนเสิร์ต ไม่มีงานจ้าง เพลงดังแต่ตัวเรายังอยู่กับที่ มันก็มีความแบบว่าหรือมันจะถึงเวลาเราแล้ว เราไปสอบครูไว้ก่อน แต่ก็คิดว่าไปสอบไว้แหละ ถ้าผ่านก็เป็นทั้งครูทั้งทัวร์กับพี่ป๊อบ ผมก็คิดไป ชีวิตมันสนุกดีนะครับ อยู่ดีๆ พี่แบงค์แกทำเพลง นะหน้าทอง แล้วปล่อยเพลง สรุปดังก่อนที่ผมจะหมดเวลา ที่ผมให้เวลาตัวเอง 3 ปี

มันเป็นเวลา ต่อให้เพลงดัง แต่ตัวยังไม่ดัง ความรู้สึกเรา?

โจอี้ : มันยังไม่ประสบความสำเร็จ มันยังไม่สุด แต่ผมไม่ได้น้อยใจ ผมไม่ได้ท้อนะ แค่ผมจะกลับบ้านไปสอบครู แล้วผมจะใช้ชีวิตของผม ผมไม่ได้ติดว่าจะเป็นในรูปแบบไหน เรารักและศรัทธาในแต่ละอาชีพอยู่แล้ว ไม่เป็นนักร้องก็ได้ เป็นครูก็ดี ก็ไม่ได้ซีเรียสไปกดดันชีวิตขนาดนั้น

ตอนนั้นเพลง นะหน้าทอง ดังมาก แล้วตัวเราก็เริ่มมีคนรู้จัก รู้สึกยังไง สุดยัง?

โจอี้ : ผมได้ไปทัวร์คอนเสิร์ต ได้ร้องเพลงตัวเองที่คนรู้จัก มันก็คือที่สุดแล้ว เราได้มีเงินจ้างไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วได้จุนเจือครอบครัว ผมรู้สึกว่าอย่างที่เราหวังไว้ก็โอเคแล้วครับ ตอนนั้นก็สุดแล้ว

วันที่เราไปกับพี่ป๊อบ เราไปตามเล่นกับพี่ป๊อบ กับวันที่เราร้อง นะหน้าทอง แล้วมีคนร้องเพลงเราได้ทุกคน ความรู้สึกเป็นยังไง มันต่างกันไหม?

โจอี้ : มันต่างในเชิง คนละโพซิชั่น ของพี่ป๊อบจะเป็นอีกแบบนึงที่เราเป็นมือกีต้าร์แล้วร้องเพลงกับแกไปด้วย แต่พอเป็นของเรา เราต้องกลายเป็นคนนำ อย่างที่พี่ป๊อบเป็น พี่ป๊อบเป็นต้นแบบผม 

หลังๆ คือได้ขึ้นเวทีใหญ่ๆ ทั้งนั้น จนชีวิตเปลี่ยน และสามารถเปลี่ยนชีวิตให้คุณตา คุณยายด้วย?

โจอี้ : เปลี่ยนเลย ผมได้เงินมาล้านต้นๆ แรกๆ ผมคิดเลย ผมจะสร้างบ้าน ตั้งแต่เงินในบัญชียังไม่ถึงล้าน ทุกวันนี้ก็ยังไม่ถึง ผมบอกตัวเองว่าผมจะสร้างบ้านให้ตา ให้ยายก่อน ผมตัดสินใจบอกพี่ช่าง ทุบบ้านแล้วทำใหม่เลย เพราะบ้านหลังเดิมมันเก่ามากและน้ำรั่ว หน้าฝนยายแทบจะว่ายน้ำนอน น้ำท่วมในบ้าน

ตอนเพลงดัง เรากลับไปบ้านครั้งแรก คุณตา คุณยายว่ายังไงบ้าง?

โจอี้ : เราเห็นความทุกข์ ความลำบากของตากับยายตั้งแต่เด็ก ทำนา เป็นหนี้ โดนดูถูก ผมเห็นแววตาแล้ว ยุคนี้เดี๋ยวผมจะดูแลเอง ผมจัดการเอง ยุคนี้เป็นยุคใหม่ของครอบครัวเรา

ไม่ใช่แค่ให้ตากับยายที่ต่างจังหวัดนะ ตอนนี้ก็ซื้อบ้านที่กรุงเทพ?

โจอี้ : ครับ แม่กับพี่สาวมาอยู่ด้วย มาดูแลผม ให้พี่สาวลาออกจากงานมาดูหลังบ้านให้ผม มันเหมือนชีวิตที่ฝันไว้ แต่บางทีก็มีอุปสรรคที่เราต้องผ่านไปให้ได้บ้าง แต่เราก็ผ่านมา ระหว่างทางก็โอเคอยู่

บางทีชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่น ก็เลยมูเตลู?

โจอี้ : มูครับ แต่ว่ามูในพลังงานที่ดี สีขาว ขนาดเพลงผมชื่อ นะหน้าทอง ผมยังไม่เคยไปลงนะหน้าทองเลย เพราะว่า นะหน้าทองของผมคือการทำความดี ดึงดูดสิ่งที่ดี ผมก็มู มูกับทวดและหลวงพ่อที่เรานับถือ ส่วนใหญ่ท่านจะแนะนำให้เราทำบุญ ช่วยเหลือคน ช่วยเหลือสัตว์

แต่คุณก็ไปถึงขั้นเปลี่ยนชื่อ?

โจอี้ : ครับ ตอนแรกเปลี่ยนกับพระก่อน แต่ทีนี้มาดามเขาชอบหมอดู เขาชอบมูของเขา เขาก็แนะนำ ตอนนั้นผมไม่มีเงินสักบาทเขาก็ออกค่าหมอดูให้ เขาบอกว่าชื่อเดิมถ้าเรายังเป็นศิลปินอยู่มันจะไม่ดี มันต้องถือศีล ต้องไปบวช ถ้าผิดศีลมันจะไม่ดีต่อเรา จะป่วย จะตาย หรือจะอะไรก็แล้วแต่ เลยต้องเปลี่ยนชื่อ ให้ชื่อมันสมพงษ์กับอาชีพนี้ เพราะเราไปร้องเพลง คนมาดูก็ดื่มแอลกอฮอล์ เราอาจจะคิดว่าทำให้คนมีความสุขแล้วมันได้บุญ แต่มันไม่ใช่นะ เราอาจจะเป็นชนวนนึงที่ชักชวนคนดื่ม มันใช้บุญบารมีสูงมากในอาชีพของเรา เราต้องเปลี่ยนชื่อให้เข้ากันแล้วก็ต้องทำคู่กันกับการทำบุญ ห้ามนั้น ห้ามนี่ ผมเลยไม่กินเหล้ามาก่อนเปลี่ยนชื่อ 5 ปีแล้ว เหล้า บุหรี่ อบายมุขทั้งสิบก็เลิกหมด

ไม่ได้เปลี่ยนแค่ชื่อนะ เปลี่ยนนามสกุลด้วย?

โจอี้ : เงินไม่พอ ไปหาอาจารย์ ผมไม่มีเงิน งั้นผมเอานามสกุลพี่แบงค์ได้ไหม มันเข้ากันไหม เออ..มันเข้ากันก็ไปเปลี่ยนเป็นนามสกุลของพี่แบงค์

อีกเรื่องที่เปิดตัวมา แต่คนเป็นกำลังใจให้ นั่นคือเรื่องของแฟน?

โจอี้ : ครับ จริงๆ แฟนๆ ที่ติดตามผมก็จะเห็นผมโพสต์รูปคู่กันบ่อยๆ ไม่ได้ปิดนะครับ เปิดตัวมานานแล้ว คนก็เอ็นดูด้วยความน่ารักของน้องเจน

คุณไปเอ็นดูเขาตอนไหน?

โจอี้ : ผมเอ็นดูเขานานแล้วนะครับ แต่ผมจีบคนไม่เป็นนะ ผมใช้ความจริงใจและความน่ารักของผม แต่ด้วยความเป็นผู้ชายมันก็มีแนวทางอยู่บ้าง ร้องเพลงจีบ

แสดงว่าปิ๊งตั้งแต่ตอนถ่าย MV?

โจอี้ : ยังครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าร่วมงานกันปกติ พอจบนะหน้าทอง เห็นเขาทำ Vlog ก็ตามไปดู ทำดีนะ น่ารักดี ก็คุยกันจนแบบหลัง นะหน้าทองก็มีโอกาสไปถ่ายงาน เจอกันบ่อย ก็มีความสปาร์ค

อะไรในตัวเขาที่เราชอบ?

โจอี้ : เขาใจดี เขายิ้มแล้วโลกมันสดใส เขาตาสวย เป็นคนที่อ่อนโยนต่อผมมากๆ 

คุณคลั่งรักไหม หวงไหม?

โจอี้ : ไม่หวงครับ ดูแลเอาใจใส่กันดี ผมรู้สึกว่าเขาดูแลผมเหมือนแม่ที่ดูแลผม ผมเป็นคนดื้อ ไม่มีสติ เวลาทำอะไรเจาก็คอยเตือนสติ

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

\

"โจอี้ ภูวศิษฐ์" เผยเชื่อเรื่องดวงมาก เล่านาทีชีวิตเฉียดตายเกือบไม่รอด!

"โจอี้ ภูวศิษฐ์" เผยเป็นคนที่เชื่อเรื่องดวงมากถึงขนาดเปลี่ยนชื่อนามสกุลก่อนโด่งดัง เผยนาทีชีวิตเฉียดตายเกือบไม่รอด!