เนื้อหาในหมวด ข่าว

เทียบขุมกำลังรบ \

เทียบขุมกำลังรบ "อินเดีย VS ปากีสถาน" ในวันที่มีนิวเคลียร์รวมกันเกือบ 400 ลูก!

เปรียบเทียบกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ และอาวุธนิวเคลียร์ของอินเดียและปากีสถาน หลังความขัดแย้งลุกลามจนอาจกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับการปะทะกันระหว่างอินเดียและปากีสถาน ที่มีชนวนเหตุมาจากเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย โดยอินเดียเชื่อว่ารัฐบาลปากีสถานมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุ

จากข้อพิพาทได้ยกระดับกลายเป็นความขัดแย้งที่ทั้งสองฝ่ายโจมตีกันด้วยอาวุธ จนประชาคมโลกต่างกังวลว่า นี่อาจเป็นสงครามจุดใหม่ที่มีความรุนแรงไม่แพ้สงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือสงครามอิสราเอล
india-pakistan-war-military-nหนึ่งในประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจคือ หากเกิดสงครามเต็มรูปแบบขึ้นจริง เมื่อเทียบกันแล้ว ฝ่ายใดมีศักยภาพในการสู้รบมากกว่ากัน?

ตามการจัดอันดับกำลังทหารของ Global Firepower ในปี 2025 อินเดียมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ส่วนปากีสถานอยู่ในอันดับที่ 12

สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า อินเดียยังเป็นประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการทหารมากเป็นอันดับ 5 ของโลก

โดยในปี 2024 อินเดียใช้จ่ายด้านการทหาร 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) หรือ 2.3% ของจีดีพี เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ปากีสถานใช้จ่ายด้านการทหาร 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 แสนล้านบาท) หรือ 2.7% ของจีดีพี

ขณะที่ตัวเลขกำลังทหารทั้งหมดของอินเดียคือ 5,137,550 นาย ซึ่งมากกว่าปากีสถานซึ่งมี 1,704,000 นาย เกือบ 3 เท่า ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศไม่มีการบังคับเกณฑ์ทหาร
gettyimages-2210982340อินเดียมีเครื่องบินรบ 2,229 ลำ และรถถังต่อสู้ 3,151 คัน ส่วนปากีสถานมีเครื่องบินรบ 1,399 ลำ และรถถังต่อสู้ 1,839 คัน

แต่ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงคือ ทั้งสองฝ่ายจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีหรือไม่ ตามข้อมูลจากโครงการรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ (ICANW) พบว่า ในปี 2023 อินเดียใช้จ่ายงบประมาณพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.8 หมื่นล้านบาท) ส่วนปากีสถานใช้งบส่วนนี้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท)

ทั้งอินเดียและปากีสถานต่างมีสถานะเป็นรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ โดยอินเดียทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 1974 ขณะที่ปากีสถานทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 1998

ด้านโครงการป้องกันขีปนาวุธของศูนย์การศึกษากลยุทธ์ระหว่างประเทศ (CSIS) ระบุว่า อาวุธนิวเคลียร์ของอินเดียมุ่งเป้าไปที่การป้องปรามปากีสถานและจีน โดยเน้นพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลและขีปนาวุธภาคพื้นดินเคลื่อนที่ และกำลังพัฒนาขีปนาวุธสำหรับเรือและเรือดำน้ำ ณ ปี 2025 คาดว่าอินเดียมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์อยู่มากกว่า 180 ลูก
pakiCSIS ยังระบุด้วยว่า คลังอาวุธของปากีสถานประกอบด้วยขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลางเคลื่อนที่เป็นหลัก ซึ่งมีพิสัยไกลพอที่จะโจมตีอินเดียได้ โดยได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคที่สำคัญบางส่วนจากจีน คาดว่าปากีสถานมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์อยู่มากกว่า 170 ลูก

ตามรายงานของ SIPRI ความตึงเครียดข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศเป็นเชื้อเพลิงในการนำเข้าอาวุธของทั้งสองประเทศ

อินเดียยังเป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกช่วงปี 2020-2024 รองจากยูเครน ส่วนใหญ่นำเข้าอาวุธจากรัสเซีย คิดเป็น 36% ที่เหลือนำเข้าจากฝรั่งเศส อิสราเอล และสหรัฐฯ

ในช่วงเวลาเดียวกัน ปากีสถานเป็นผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่เป็นอันดับ 5 โดยมีจีนเป็นซัพพลายเออร์หลัก คิดเป็น 81% ของการนำเข้าอาวุธทั้งหมดของปากีสถาน