เนื้อหาในหมวด ข่าว

สื่อนอกเผยแบบทดสอบนิ้วง่ายๆ สัญญาณเตือนเสี่ยง \

สื่อนอกเผยแบบทดสอบนิ้วง่ายๆ สัญญาณเตือนเสี่ยง "โรคปอด" กว่าคนทั่วไปหรือไม่

สื่อดัง New York Post เผยแบบทดสอบนิ้วง่าย ๆ นี้ ที่อาจบอกได้ว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคปอดมากกว่าคนทั่วไปหรือไม่

ข้อต่อสุดยืดหยุ่น? อาจไม่ใช่แค่ความสามารถไว้โชว์ปาร์ตี้เท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ข้อต่อที่ยืดหยุ่นผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของภาวะทางพันธุกรรมหายาก ที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจมากขึ้น และฟื้นตัวได้ยากกว่าคนทั่วไป

ข่าวดีคือ มีแบบทดสอบง่าย ๆ ที่คุณสามารถลองทำเองที่บ้านเพื่อประเมินความเสี่ยงได้

ประมาณ 20% ของคนทั่วไปมีภาวะข้อต่อยืดหยุ่นเกินปกติ ซึ่งหมายถึงข้อต่อสามารถเคลื่อนไหวได้เกินระยะปกติ

ส่วนใหญ่ไม่มีอันตราย แต่ในบางรายอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่เรียกว่า กลุ่มอาการแอลเลอร์ส-แดนลอส หรือ EDS (Ehlers-Danlos Syndrome) ตามข้อมูลจากคลีฟแลนด์คลินิก

คนดังอย่างนักแสดงหญิง จามีลา จามิล และนักร้อง-นักแต่งเพลง เซีย ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีภาวะนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรราว 1 ใน 5,000 คนทั่วโลก ตามข้อมูลจากหอสมุดแพทยศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ

โรค EDS เกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่ทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั่วร่างกายอ่อนแอลง รวมถึงเนื้อเยื่อที่พยุงปอดและทางเดินหายใจ จึงทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ฉีกขาด หรือยุบตัวเมื่อเวลาผ่านไป

ภาวะนี้ยังอาจทำให้โครงสร้างผนังทรวงอกเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่และประสิทธิภาพการหายใจลดลง นอกจากนี้ ผู้ป่วย EDS ยังอาจมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมถึงกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจเข้าออกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เป็น EDS มักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น หายใจติดขัด หายใจลึกไม่สะดวก นอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ ไอ หายใจมีเสียงหวีดคล้ายโรคหืด ไปจนถึงอาการเจ็บหน้าอกที่รุนแรงขึ้นเมื่อหายใจเข้า

ผู้ป่วย EDS มักมีความผิดปกติของรูปแบบการหายใจร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น หลายคนอาจเผลอใช้วิธีหายใจแบบ “กลั้นลมหายใจ” โดยดูดลมหายใจเข้าแล้วค้างไว้นานเกินไปโดยไม่รู้ตัว

เจนนี ดิ บอน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะข้อต่อยืดหยุ่นเกินและโรค EDS จากสหราชอาณาจักร กล่าวกับ Newsweek

“การกลั้นลมหายใจแบบไม่รู้ตัวเป็นกลไกป้องกันตัวเอง เพราะร่างกายเราขาดความมั่นคง” ดิ บอน ผู้ซึ่งเป็นผู้ป่วย EDS ด้วย กล่าว

อย่างไรก็ตาม เธอเตือนว่า รูปแบบการหายใจที่ผิดปกตินี้อาจกลายเป็น “แหล่งสะสมเชื้อโรค” เพราะทำให้ส่วนล่างของปอดไม่ได้รับการใช้งาน

ดิ บอนอธิบายว่า การที่ปอดไม่ขยับเต็มที่ ทำให้ผู้ป่วย EDS เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคทางเดินหายใจ เช่น โควิด-19 และปอดบวม มากกว่าคนทั่วไป

แย่ไปกว่านั้น เทย์เลอร์ โกลด์เบิร์ก โค้ชด้านภาวะข้อต่อยืดหยุ่นเกิน บอกกับ Newsweek ว่า ผู้ป่วย EDS มักฟื้นตัวได้ยากกว่า

“แม้เรายังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม แต่จากประสบการณ์ทางคลินิกพบว่า ผู้ที่มี EDS มักรับมือกับโรคทางเดินหายใจได้ยากกว่าคนทั่วไป” เธอกล่าว

ข้อต่อของคุณยืดหยุ่นเกินปกติหรือไม่?

EDS คือกลุ่มอาการที่รวมโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทางพันธุกรรมไว้ถึง 13 ประเภท แม้แต่ละประเภทจะมีลักษณะเฉพาะต่างกัน แต่ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งที่พบร่วมกันคือ “ข้อต่อยืดหยุ่นเกินปกติ” ตามข้อมูลจากมูลนิธิ Ehlers-Danlos Society ซึ่งทำงานด้านการวิจัยและส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคนี้

หนึ่งในวิธีที่แพทย์ใช้ประเมินความยืดหยุ่นของข้อต่อคือ คะแนน Beighton ซึ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับอาการอื่น ๆ และประวัติครอบครัวแล้ว ก็สามารถช่วยชี้เบาะแสไปสู่การวินิจฉัย EDS ได้

การทดสอบจะให้คะแนน 1 คะแนนต่อข้างสำหรับการทำ 5 ท่าทาง ได้แก่ การงอนิ้วก้อยไปข้างหลัง 90 องศา การดึงนิ้วโป้งไปข้างหลังจนถึงข้อมือ การยืดข้อศอกและเข่าเกิน 10 องศา การโน้มตัวไปข้างหน้าและวางฝ่ามือราบกับพื้นโดยที่เข่ายังตรง

คะแนนมากกว่า 5 จาก 9 สำหรับผู้ใหญ่ หรือ 6 จาก 9 สำหรับเด็ก อาจบ่งบอกถึงภาวะข้อต่อยืดหยุ่นเกินปกติ แม้ว่าคะแนนนี้จะไม่สามารถยืนยันการวินิจฉัย EDS ได้ แต่ก็เป็นสัญญาณที่อาจคุ้มค่าที่จะพูดคุยกับแพทย์ของคุณ