นักวิทย์วิเคราะห์มาให้แล้ว คำทำนายวันสิ้นโลกของ "อีลอน มัสก์" จะเป็นจริงปีไหน?

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าเมื่อไหร่คำทำนายวันสิ้นโลกที่มืดมนของ "อีลอน มัสก์" เกี่ยวกับการสิ้นสุดของมนุษยชาติอาจกลายเป็นความจริง

ด้วยเหตุผลบางประการ เรามักหลงใหลในการทำนายว่าเมื่อไหร่โลกจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นจากสงครามนิวเคลียร์ อุกกาบาตที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือจากความโง่เขลาของเราเองท่ามกลางวิกฤตภูมิอากาศที่ยังคงดำเนินอยู่

• มีแค่ 2 ประเทศที่อยู่รอด! ผู้เชี่ยวชาญเผย "พื้นที่ปลอดภัย" หากเกิดสงครามนิวเคลียร์

หากคุณอยู่ในวัยหนึ่ง คุณอาจจะจำได้ว่าในปี 2012 หลายคนคิดว่าโลกจะสิ้นสุดลง แต่ความจริงแล้วการเตือนวันสิ้นโลกนั้นเกิดขึ้นเสมอ เช่นเดียวกับคำทำนายอายุ 1,000 ปี ที่ถูกเปิดเผยในนครวาติกันหลังจากการประกาศแต่งตั้งสมเด็จพระสันตะปาปาคนใหม่ในสัปดาห์นี้

มัสก์เพิ่งแนะนำว่า เขาคาดว่าโลกจะถูก "เผาทำลาย" และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องการให้มนุษย์หาวิธีที่จะอยู่อาศัยในอวกาศ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาจากการที่เขามีส่วนร่วมในโครงการอวกาศหลายโครงการ รวมถึงการส่งเทสลาไปในอวกาศ

ในการสัมภาษณ์กับเจสซี่ วอตเตอร์ส จากช่องฟ็อกซ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มัสก์ กล่าวว่า "มันไม่ใช่แค่การไปเยือนดาวอังคารครั้งเดียว แต่คือการทำให้ชีวิตเป็นแบบหลายดาวเคราะห์ เพื่อขยายขอบเขตและขนาดของจิตสำนึก เพื่อให้เราเข้าใจธรรมชาติของจักรวาลได้ดีขึ้น และเพื่อรับประกันการอยู่รอดระยะยาวของอารยธรรม ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับโลก เราจะยังคงมีจิตสำนึกที่ดาวอังคาร"

ซีอีโอของ SpaceX กล่าวเสริมว่า "นี่คือหนึ่งในประโยชน์ของดาวอังคาร มันเหมือนกับประกันชีวิตร่วมกัน ในที่สุดชีวิตทั้งหมดบนโลกจะถูกทำลายโดยดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์กำลังขยายตัวอย่างช้า ๆ และเราจำเป็นต้องเป็นอารยธรรมที่มีหลายดาวเคราะห์ เพราะโลกจะถูกเผาทำลาย"

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทโฮในญี่ปุ่น ได้คำนวณวันที่ประมาณการว่าเมื่อไหร่เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้น โดยใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขั้นสูงและแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อทำนายการพัฒนาระยะยาวของดวงอาทิตย์

ในการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Geoscience พวกเขาประมาณว่า หากมนุษย์ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ โลกจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้สำหรับเราในปี 1,000,002,021 โดยนักวิจัยเชื่อว่าดวงอาทิตย์จะร้อนและสว่างขึ้น ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้นและระดับออกซิเจนค่อย ๆ ลดลง

ยังพบว่าในอีกประมาณ 5,000 ล้านปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์จะเข้าสู่ช่วงดาวยักษ์แดง และอาจทำให้มันกลืนกินดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงดาวพุธ ดาวศุกร์ และอาจรวมถึงโลกด้วย ดังนั้นหากคุณกำลังอ่านบทความนี้ในปีที่ 5,000 ล้าน ขอให้โชคดี

อย่างไรก็ตาม เราได้เห็นผลกระทบจากการที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ซึ่งจะมีผลร้ายแรงหากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่บางแห่งละลายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าเราจะต้องรอกันอีกสักพักใหญ่ ก่อนที่เราจะไม่สามารถอาศัยอยู่บนโลกนี้ได้อีกต่อไป