.jpg)
"บูเช็กเทียน" คลั่งเซ็กซ์จริงหรือ ตำนาน "ฮ่องเต้หญิง" คนเดียวในประวัติศาสตร์
“บูเช็กเทียน” จักรพรรดินีผู้มากด้วยอำนาจ แต่อื้อฉาวด้วยเรื่องเพศ: เมื่อเซ็กซ์กลายเป็นกลยุทธ์การเมือง
บูเช็กเทียน (ค.ศ. 625–705) คือสตรีเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์จีนที่ได้ครองตำแหน่ง “จักรพรรดิ” อย่างเต็มตัว ชื่อของเธอไม่ได้โดดเด่นเพียงเพราะอำนาจ แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวอื้อฉาวเกี่ยวกับ “เซ็กซ์” และ “การเมือง” ที่สอดประสานกันอย่างแนบแน่น
จากนางสนมชั้นล่าง สู่หญิงที่มีอำนาจสูงสุด
ภาพจากซีรีส์ The Empress of China (2014) ฟ่านปิงปิง รับบท บูเช็กเทียน
บูเช็กเทียนเริ่มต้นเส้นทางในฐานะนางสนมของจักรพรรดิไท่จง แต่หลังไท่จงสิ้นพระชนม์ เธอเข้าสำนักชีตามธรรมเนียม ก่อนจะหวนคืนวังหลวงในฐานะสนมของ “เกาจง” พระราชโอรสของไท่จง ซึ่งยังเป็นเพียงรัชทายาทที่มีพระมเหสีอยู่แล้ว ความสัมพันธ์นี้จึงถูกมองว่า “ผิดจารีต” และมีลักษณะคล้าย “ผิดศีลธรรม”
ความใกล้ชิดกับจักรพรรดิเกาจงทำให้เธอไต่เต้าอย่างรวดเร็ว โดยเธอใช้ “เซ็กซ์” เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไล่กำจัดคู่แข่งทั้ง “พระมเหสีหวัง” และ “สนมเซียว” ด้วยการกล่าวหาว่าทั้งสองร่วมกันฆ่าลูกสาวของเธอ ทั้งที่นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าเป็นฝีมือของบูเช็กเทียนเอง
โหดเหี้ยมเพื่ออำนาจ
หลังจากขึ้นเป็นจักรพรรดินีอย่างเป็นทางการ บูเช็กเทียนสั่งประหารพระมเหสีหวังและสนมเซียวอย่างโหดเหี้ยม โดยให้ตัดมือและเท้าก่อนจะนำร่างไปแช่เหล้า หลายฝ่ายมองว่าเธอเป็นสตรีที่ “กระหายอำนาจ” และ “ไร้เมตตา”
ภาพจากซีรีส์ The Empress of China (2014) ฟ่านปิงปิง รับบท บูเช็กเทียน
เปลี่ยน “ความสัมพันธ์ทางเพศ” เป็นอาวุธ
ตลอดการครองราชย์ บูเช็กเทียนมีความสัมพันธ์ลับกับชายหนุ่มมากมาย เช่น พระสงฆ์ “เซี่ยห่วยอี๋”, นักดนตรี “ต้งเป่าเล่อ” ซึ่งเชื่อว่าคบหากันนานกว่า 20 ปี และสองพี่น้องตระกูลจาง ได้แก่ “จางอี้จือ” และ “จางชางจง”
ชายเหล่านี้ไม่ใช่เพียงคู่รัก แต่ยังเป็นที่ปรึกษา ผู้รับใช้ และบางครั้งก็กลายเป็น “เหยื่อ” เมื่อตกเป็นภาระทางการเมือง ตัวอย่างคือเซี่ยห่วยอี๋ที่ถูกลอบสังหารหลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ
สองพี่น้องตระกูลจาง กับฉากสุดอื้อฉาวท้ายรัชสมัย
ในช่วงปลายรัชสมัย บูเช็กเทียนใกล้ชิดกับพี่น้องตระกูลจางถึงขั้นไม่ยอมให้ขุนนางคนใดเข้าเฝ้าในเวลาป่วย แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่อง “ความไม่เหมาะสม” และ “การฉ้อราษฎร์บังหลวง” ก็ยังคงให้สองพี่น้องมีอำนาจอย่างล้นเหลือ กระทั่งทั้งสองถูกสังหารระหว่างรัฐประหารที่ปลดบูเช็กเทียนออกจากตำแหน่ง
ภาพจำจากนักประวัติศาสตร์ชาย
แม้จักรพรรดิชายหลายพระองค์จะมีนางสนมนับร้อย แต่พฤติกรรมเดียวกันนี้กลับกลายเป็น “หลักฐานความเสื่อมทราม” ของบูเช็กเทียน นักประวัติศาสตร์ขงจื๊อในสมัยหลังต่างพยายามวาดภาพให้เธอเป็นหญิงราคะจัด ผู้ใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือครองอำนาจ และถึงขั้นแต่งเรื่องว่าบูเช็กเทียนเคยเรียกร้อง “เซ็กซ์” จากนักการทูตต่างชาติ ทั้งที่หลักฐานจริงไม่มีปรากฏ
เซ็กซ์ไม่ใช่จุดอ่อน แต่คือ “กลยุทธ์”
เรื่องราวของบูเช็กเทียนสะท้อนว่าความสัมพันธ์ทางเพศของเธอคือหนึ่งในกลยุทธ์ทางการเมืองที่ทรงพลัง เธอใช้เสน่ห์เพื่อสร้างพันธมิตร กำจัดศัตรู และรักษาอำนาจในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่
แต่โลกในยุคเธอไม่ให้อภัยผู้หญิงที่ใช้ “เซ็กซ์” แบบเดียวกับผู้ชาย การมีชายบำเรอหลายคนจึงกลายเป็น “บาป” ที่ใช้โจมตีเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้หลายพฤติกรรมจะคล้ายคลึงกับสิ่งที่จักรพรรดิชายทำอยู่เป็นประจำ
บทสรุป
“บูเช็กเทียน” ไม่ได้เป็นเพียงตัวละครจากซีรีส์จีน แต่คือตัวอย่างของผู้หญิงที่ใช้ทั้งสติปัญญา ความทะเยอทะยาน และเซ็กซ์ ในการฝ่าฟันขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจในโลกที่ไม่เคยเตรียมพื้นที่ไว้ให้เพศหญิง บางทีเธออาจไม่ได้ “เลว” อย่างที่ประวัติศาสตร์เขียนไว้ แต่อาจเป็นแค่ผู้หญิงที่กล้าทำในสิ่งเดียวกับที่ผู้ชายทำมาเสมอ
แหล่งข้อมูล:
Wikipedia | Smithsonian Magazine | University of Rochester | HistoryExtra