.jpg)
หญิงชราทิ้งมรดกไว้ 12 ล้าน เพื่อนบ้านอ้าง 3 สิ่งที่ "ช่วยเหลือ" ก่อนตาย ควรได้ส่วนแบ่ง
หญิงชราทิ้งมรดกไว้ 12 ล้าน เพื่อนบ้านแสดงตัวเป็นลูกบุญธรรม อ้าง 3 สิ่งที่ "ช่วยเหลือ" ก่อนตาย ควรได้ส่วนแบ่งตอบแทน
เมื่อไม่นานมานี้ มีกรณีพิพาทเรื่องมรดกเกิดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยมีหญิงชรารายหนึ่งซึ่งพ่อแม่ คู่ชีวิต และลูกของเธอล้วนเสียชีวิตไปก่อนหน้า ทิ้งให้เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี 2015 และทิ้งมรดกเป็นบ้านหลังหนึ่งในเขตซีหุ่ยของเซี่ยงไฮ้ มูลค่าราว 3 ล้านหยวน (ประมาณ 12.5 ล้านบาท) ซึ่งมีหลานชายของเธอเป็นผู้พักอาศัยและดูแลทรัพย์สิน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีหญิงคนหนึ่งนามว่า “คุณเสิ่น” ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเดียวกัน ยื่นฟ้องร้องต่อศาลโดยอ้างว่าเธอเป็น "ลูกสาวบุญธรรม" ของหญิงชรา และเป็นผู้ดูแลจนวาระสุดท้ายของชีวิต จึงมีสิทธิ์ขอแบ่งมรดกครึ่งหนึ่งตามกฎหมายของจีน
ทางฝั่งหลานชายคือนายสวี (Xu) ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่ดูแลป้าของตนมาตลอด ไม่ใช่คุณเสิ่น ทั้งสองฝ่ายจึงต้องขึ้นศาลเพื่อสู้คดีกัน โดยศาลได้มอบหมายให้สำนักงานกิจการพลเมืองเขตซีหุ่ยเป็นผู้จัดการมรดกชั่วคราวก่อนจะเริ่มกระบวนการพิจารณา
ในการไต่สวน คุณเสิ่นอ้างว่า เคยซื้อผลไม้ให้หญิงชรา ตัดเล็บให้ และทำอาหารให้บ้าง จึงเชื่อว่าควรได้รับการตอบแทนด้วยส่วนแบ่งมรดก
อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คุณเสิ่นไม่สามารถนำหลักฐานใดมายืนยันได้ว่าเธอเป็นผู้ดูแลหญิงชราอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลานชายของหญิงชรามีพยานหลายรายที่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้ดูแลป้าของตนมาโดยตลอด ศาลจึงมีคำพิพากษาให้มรดกตกเป็นของหลานชายเพียงผู้เดียว และคุณเสิ่นเป็นฝ่ายแพ้คดี
เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ของจีน โดยหลายคนมองว่า “ลูกสาวบุญธรรม” รายนี้มีจุดประสงค์เพื่อหวังผลจากมรดกของหญิงชรา โดยไม่มีหลักฐาน ไม่มีพินัยกรรม หรือแม้แต่เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ใด ๆ
ชาวเน็ตบางคนแสดงความคิดเห็นว่า “ถ้ามีพินัยกรรมระบุชื่อไว้ก็ถือว่าสมควรได้รับ แต่ถ้าไม่มีแล้วมาเรียกร้องเอาเอง ก็เหมือนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์” ขณะที่อีกมุมหนึ่งมองว่า คุณเสิ่นกล้าเรียกร้องเพราะหากชนะคดีจะได้เงินมหาศาล แต่ถ้าแพ้ก็ไม่เสียอะไรเลย จึงเปรียบว่า “เป็นการฟ้องที่แทบไม่มีทางขาดทุน”