เนื้อหาในหมวด ข่าว

จิ๋นซีฮ่องเต้ หล่อเหลาตามคำเล่าลือไหม? ผู้เชี่ยวชาญใช้ AI สร้างภาพจากกะโหลกศีรษะ

จิ๋นซีฮ่องเต้ หล่อเหลาตามคำเล่าลือไหม? ผู้เชี่ยวชาญใช้ AI สร้างภาพจากกะโหลกศีรษะ

"จิ๋นซีฮ่องเต้" มีพระพักตร์หล่อเหลาตามคำเล่าลือจริงหรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญพบคำตอบด้วยการใช้ AI สร้างภาพจากกะโหลกศีรษะ

ประวัติศาสตร์เปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหญ่ที่ชวนให้ค้นหา ผ่านทั้งตำราและสารคดีต่าง ๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจินตนาการถึงบุคคลสำคัญในอดีตจึงกลายเป็นภาพที่จับต้องได้มากยิ่งขึ้น เราไม่เพียงแค่อ่านเรื่องราวในอดีต แต่ยัง “มองเห็น” มันได้อีกด้วย

หนึ่งในบุคคลสำคัญแห่งประวัติศาสตร์จีน "จิ๋นซีฮ่องเต้" จักรพรรดิองค์แรกผู้รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว ยังคงเป็นปริศนาในแง่รูปลักษณ์ภายนอก คำถามคือ พระองค์ทรงมีพระพักตร์สง่างามเหนือสามัญจริงหรือไม่?

บันทึกประวัติศาสตร์โบราณได้พยายามให้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยในบันทึกประวัติศาสตร์ของซือหม่าเชียน กล่าวไว้ว่า “พระองค์มีจมูกโด่ง ดวงตายาว หน้าอกตั้งนูนดุจนก เสียงพูดดุดัน และนิสัยโหดเหี้ยมดุจหมาป่า”

ขณะที่ตำรา ไท่ผิงอวี้หลาน ระบุเพิ่มเติมว่า “ปากกว้างดุจเสือ หน้าผากโหนกขึ้นด้านข้าง ดวงตาโต จมูกโด่ง และมีส่วนสูงถึง 8.6 ฉื่อ (ราว 1.98 เมตรตามมาตราชั่งตวงสมัยฉิน)” ซึ่งถือว่าสูงใหญ่เกินมาตรฐานทั้งในยุคโบราณและยุคปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม คำบรรยายเหล่านี้อาจมีอคติทางประวัติศาสตร์ เพราะจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นบุคคลที่ถูกมองทั้งในแง่บวกและลบอย่างรุนแรง แล้วเราจะเข้าถึงภาพลักษณ์ที่แท้จริงของพระองค์ได้อย่างไร?

ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI สามารถจำลองใบหน้าของบุคคลในอดีตจากโครงสร้างของกะโหลกศีรษะได้อย่างแม่นยำ ทว่าการขุดค้นเพื่อนำกะโหลกของจิ๋นซีฮ่องเต้มาศึกษานั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสุสานของพระองค์ยังไม่เคยถูกเปิดออก เพราะเกรงว่าจะทำลายโบราณสถานที่ล้ำค่าทางประวัติศาสตร์

เพื่อหาคำตอบที่แท้จริง นักวิชาการจึงหันไปศึกษาจากผู้ที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับจิ๋นซีฮ่องเต้

เมื่อปี 1976 นักโบราณคดีค้นพบสุสานจำนวน 17 แห่งใกล้บริเวณหลุมฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ และได้ขุดสำรวจ 8 แห่ง พบว่าเจ้าของสุสานเหล่านั้นเสียชีวิตอย่างน่าสลด บางศพมีร่องรอยการถูกแยกร่าง เชื่อว่าอาจถูกประหารแล้วฝังไว้ที่นั่น

จากการเทียบข้อมูลกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ นักวิชาการสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจเป็นเหล่าองค์ชายและเจ้าหญิงแห่งแคว้นฉิน ซึ่งเป็นพระโอรสและพระธิดาของจักรพรรดิฉินสื่อหวง หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ นั่นเอง และด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด รูปลักษณ์ของพวกเขาย่อมสะท้อนลักษณะบางส่วนของจักรพรรดิได้

ผู้เชี่ยวชาญจึงใช้เทคโนโลยี AI สร้างใบหน้าจากกะโหลกขององค์ชายพระองค์หนึ่งซึ่งเชื่อว่าเป็นโอรสของจิ๋นซีฮ่องเต้ ผลที่ได้เผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ชี้ให้เห็นว่าจักรพรรดิฉินอาจไม่ได้ “หน้าตาน่าเกลียด” อย่างที่บางบันทึกพรรณนาไว้เกินจริง

นอกจากนี้ ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีผลไม่น้อย มารดาของพระองค์คือ พระนางจ้าวจี หญิงสาวผู้เลอโฉมและเปี่ยมด้วยความสามารถด้านการขับร้อง ซึ่งได้รับเลือกจากฮ่องเต้ฉินจวงให้เป็นมเหสี หากพิจารณาจากยีนของฝ่ายมารดา รูปลักษณ์ของพระโอรสอย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ก็น่าจะมีความโดดเด่นไม่น้อย

รูปจำลองพระสนมของจิ๋นซีฮ่องเต้

ขณะเดียวกัน นักวิชาการยังได้จำลองใบหน้าของพระสนมในราชสำนักของจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยภาพที่ปรากฏคือหญิงสาวผู้มีจมูกโด่ง ดวงตากลมโต ดูเรียบร้อยงดงาม มีความสง่างามตามแบบสตรีชั้นสูงในยุคนั้น

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นอีกครั้งว่า มาตรฐานความงามของแต่ละยุคสมัยย่อมแตกต่างกัน และภาพจำลองที่ได้จากเทคโนโลยี AI อาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ที่สดใหม่และเป็นกลางยิ่งขึ้นต่อรูปลักษณ์ของผู้คนในอดีตกาลอันไกลโพ้น