เนื้อหาในหมวด ข่าว

เด็กอนุบาลเกือบตาย! แม่บีบ \

เด็กอนุบาลเกือบตาย! แม่บีบ "รูใกล้หูลูก" ที่ย่าเชื่อเป็นลางดี ช็อกต้องผ่าตัดด่วน หมอชี้คืออะไร?

อย่าหาทำ “รูใกล้หู” ไม่ใช่สิ่งนำโชคตามความเชื่อ แพทย์เตือนเสี่ยงติดเชื้อรุนแรงหากบีบหรือสัมผัส

ความสงสัยเพียงเล็กน้อยของคุณแม่ กลับกลายเป็นความเสี่ยงใหญ่หลวงต่อสุขภาพของลูกชายวัยอนุบาล หลังจากเธอเผลอบีบ "รูเล็กๆ" ใกล้หูลูกเพราะคิดว่าไม่อันตราย แต่กลับต้องผ่าตัดด่วนเพื่อรักษาอาการติดเชื้อ

การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ล่าสุด สื่อประเทศจีน Sohu รายงานกรณีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่คนหนึ่งชื่อว่า “ตู้ หลิน” พบว่าบริเวณใกล้หูลูกชายมีรูเล็กๆ ที่ดูผิดปกติ แต่เธอกลับไม่ได้พาลูกไปหาหมอทันที

ในตอนแรก ตู้หลินนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่สามี ซึ่งกลับมองว่า "เป็นลางดี" เพราะเชื่อว่าเป็นรูแห่งปัญญา ที่บ่งบอกถึงอนาคตที่ร่ำรวยของเด็ก เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก และปล่อยผ่านไป

อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งด้วยความสงสัย ตู้หลินจึงใช้มือบีบรูนั้นแรงๆ เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน คิดว่าเป็นเพียงการตรวจสอบเล็กน้อย ทว่าไม่นานหลังจากนั้น บริเวณใกล้รูเริ่มบวมแดง และภายในไม่กี่ชั่วโมงก็เริ่มมีกลิ่นเหม็นออกมา

เมื่อเห็นอาการลูกชายแย่ลง ตู้หลินรีบพาไปพบแพทย์ทันที และได้รับคำวินิจฉัยว่าเด็กชายมีภาวะ “รูหน้าหู” (Preauricular Sinus) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่กำเนิด การบีบแรงและสัมผัสหลายครั้งทำให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง จนแพทย์ต้องสั่งให้ผ่าตัดทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการลุกลามของเชื้อโรค

แพทย์ระบุว่า ร่องรั่วรูหูมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ แบบธรรมดา แบบมีการหลั่งของเหลว และแบบติดเชื้อ ซึ่งแบบหลังนี้หากไม่รักษาอย่างถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นหนองได้ อีกทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูงถึง 43% จากหลายงานวิจัย

รู้จัก "รูหน้าหู" ภาวะเสี่ยงที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

ไซนัสพรีออริคิวลาร์ (Preauricular Sinus) หรือ "Ear Pit" คือรอยแหว่งเล็กๆ ที่มักพบได้บริเวณใกล้หู ซึ่งแม้จะดูไม่อันตราย แต่หากมีการติดเชื้อหรือหลั่งของเหลว ก็จำเป็นต้องรักษาทางการแพทย์ และในหลายกรณีต้องใช้การผ่าตัด

วิธีดูแลลูกหลีกเลี่ยงอาการติดเชื้อจากร่องรั่วรูหู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีซ้ำรอยเหมือนครอบครัวของตู้หลิน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีดูแลลูกดังนี้

  • เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูก ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬา ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบีบจุดผิดปกติใกล้หู อย่าใช้มือบีบหรือสัมผัสบริเวณรูหู หากสงสัยควรพาไปพบแพทย์ทันที เพราะการกระทำที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง
  • ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารทะเล หรืออาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบหรืออาการซ้ำซ้อน
  • กรณีของตู้หลินเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคน ว่าความสงสัยหรือความเชื่อแบบผิดๆ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายสำหรับเด็กโดยไม่รู้ตัว หากพบสิ่งผิดปกติใดๆ บนร่างกายลูก ควรปรึกษาแพทย์ทันที ดีกว่ารอให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงจนต้องแก้ไขในภายหลัง

    หากพบ “รูเล็กๆ ใกล้หู” บนร่างกายของลูก อย่าชะล่าใจ นี่อาจไม่ใช่เพียง “ลางดี” อย่างที่เชื่อกัน แต่เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี