เนื้อหาในหมวด ข่าว

เปิดโพสต์ สมเด็จฯ ฮุนเซ็น สุดเด็ดขาด หลังทหารเขมรเสียชีวิต ยิงปะทะทหารไทยที่ช่องบก

เปิดโพสต์ สมเด็จฯ ฮุนเซ็น สุดเด็ดขาด หลังทหารเขมรเสียชีวิต ยิงปะทะทหารไทยที่ช่องบก

สมเด็จฮุนเซน แสดงจุดยืนชัด หลังเหตุปะทะชายแดนช่องบก ย้ำไม่อยากให้เกิดสงคราม แต่พร้อมรับมือหากถูกบุกรุก

สมเด็จฮุนเซน โพสต์แสดงความเสียใจ หลังทหารกัมพูชาเสียชีวิต

วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ได้เกิดเหตุปะทะระหว่าง ทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณ ชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ นำไปสู่ความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา โดยมีทหารเสียชีวิต 1 นาย

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ Suon Ron ผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งระบุว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งควรเป็นพรมแดนแห่งมิตรภาพและสันติภาพ 

ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และขอร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวของ พลทหารเอก ซวน รอน (Suon Ron) ผู้เสียชีวิตจากการถูกโจมตีโดยกองกำลังทหารผู้รุกราน

ชายแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา ไม่ควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอประณามอย่างรุนแรงต่อบุคคล หน่วยงาน หรือกลุ่มใดก็ตามที่ตัดสินใจดำเนินการรุกรานในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์รุกรานช่วงปี 2008 ถึง 2011 ที่ปราสาทพระวิหาร

ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นการต่อสู้ใด ๆ เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเห็นชอบกับการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งกำลังทหารและอาวุธหนักไปยังชายแดน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัวเองในกรณีที่มีการรุกรานเพิ่มเติม

ข้าพเจ้าหวังว่าการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศ จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี และขอให้ไม่มีความตึงเครียดตามแนวชายแดนทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลให้ความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศต้องหยุดชะงัก

ข้าพเจ้าขอวิงวอนพี่น้องร่วมชาติ โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้ขยายตัวจนกลายเป็นการเกลียดชังทางเชื้อชาติ และขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ

เราทุกคนเกลียดสงคราม แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำสงครามเพื่อต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เหมือนที่เราเคยเผชิญระหว่างปี 2008 ถึง 2011 โดยใช้กลยุทธ์สามแนวทาง ได้แก่ การทหาร การทูต และกระบวนการทางกฎหมาย

เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร ปี 2551–2554

สมเด็จฮุนเซนเปรียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ การบุกรุกบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างปี 2551–2554 โดยชี้ว่า การกระทำครั้งนี้คล้ายคลึงกัน และถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมประกาศชัดว่า "ผมขอประณามบุคคลหรือชนชั้นใดก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการรุกรานครั้งนี้"

ส่งทหารและอาวุธหนักเข้าชายแดน เตรียมพร้อมหากมีการรุกรานซ้ำ

แม้สมเด็จฮุนเซนจะย้ำว่าไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งลุกลามเป็นสงคราม แต่ก็แสดงความเห็นชอบกับการที่รัฐบาลกัมพูชา ส่งกำลังทหารและอาวุธหนัก ไปประจำชายแดน เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการบุกรุกเพิ่มเติม

หวังผลการเจรจาระหว่างสองกองทัพจะนำไปสู่ความสงบ

สมเด็จฮุนเซนแสดงความหวังว่า การเจรจาระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในวันถัดไปจะช่วยลดความตึงเครียด และไม่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ระหว่างไทยและกัมพูชา

“ขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาอย่าใช้ความขัดแย้งนี้เป็นเครื่องมือในการเหยียดเชื้อชาติ และขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ ที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม”

ย้ำ 3 แนวทาง: การทูต ทหาร และกฎหมาย

ท้ายที่สุด สมเด็จฮุนเซนกล่าวอย่างหนักแน่นว่า กัมพูชาไม่ต้องการสงคราม แต่หากถูกรุกรานก็จำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้ โดยจะยึด แนวทาง 3 ประการ ได้แก่ การทูต การทหาร และทางกฎหมาย ในการแก้ไขปัญหาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ