.jpg)
สาวไปมาแล้ว 64 ประเทศ ก่อนอายุ 30 และนี่คือ 5 ประเทศที่ไม่คิดจะกลับไปอีก
นักเดินทางสาวเคยไปมาแล้วถึง 64 ประเทศ ก่อนอายุ 30 ปี เผย 5 ประเทศที่เธอไม่คิดจะกลับไปอีก แม้เป็นประเทศยอดนิยม
แอลลี ฮูเบอร์ส จากรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา นักท่องเที่ยวสาวผู้เคยเดินทางไปเยือนมากถึง 64 ประเทศใน 6 ทวีปก่อนอายุครบ 30 ปี ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อ 5 ประเทศชื่อดังที่เธอไม่มีแผนจะกลับไปอีก แม้หลายแห่งจะเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน
เธอเล่าว่า การเดินทางของเธอเริ่มต้นจากทริปครอบครัวตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนจะกลายเป็นความหลงใหลในการท่องเที่ยวทั่วโลกระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะช่วงที่ได้แลกเปลี่ยนผ่านโครงการ Semester at Sea ที่ทำให้เธอมีโอกาสใช้ชีวิตบนเรือสำราญนาน 100 วัน และเยือน 10 ประเทศในครั้งเดียว
แม้การเดินทางส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความประทับใจ แต่เธอกลับรู้สึกว่า บางประเทศไม่ได้ตอบโจทย์ หรือไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ส่งผลให้ไม่มีความคิดอยากกลับไปเยือนอีกในอนาคตอันใกล้ โดย 5 ประเทศที่เธอพูดถึง ได้แก่
1. แอฟริกาใต้ – ธรรมชาติสวยแต่ความปลอดภัยน่ากังวล
เธอเล่าว่าซาฟารีที่แอฟริกาใต้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ โดยเฉพาะการชม “Big Five” และเมืองชายฝั่งอย่าง Mossel Bay หรืออุทยานช้าง Addo ที่น่าทึ่ง แต่เมื่อถึงเคปทาวน์ เธอกลับต้องเผชิญกับคำเตือนซ้ำ ๆ จากไกด์เรื่องการลักทรัพย์และอาชญากรรม จนทำให้รู้สึกกังวลและไม่สบายใจตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะในฐานะผู้หญิงที่เดินทางกับเพื่อนหญิงอีกคน ทำให้ไม่กล้าออกไปไหนตอนกลางคืน และยังไม่มีแผนจะกลับไปอีก
2. กรีซ – คนแน่นและอากาศร้อนเกินไป
กรีซเป็นอีกประเทศที่เธอเคยไปมาแล้วถึง 4 ครั้ง ทั้งเอเธนส์ ซานโตรินี และเกาะต่าง ๆ แต่กลับรู้สึกว่าทุกครั้งยิ่งแออัดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะที่ซานโตรินี ซึ่งต้องเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพื่อชมพระอาทิตย์ตก อีกทั้งอากาศในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงก็ร้อนจัดจนไม่เหมาะแก่การท่องเที่ยว เธอแนะนำว่าหากใครอยากไปควรเลือกช่วงนอกฤดูกาล หรือพิจารณา โครเอเชีย ซึ่งสวยงามไม่แพ้กันแต่คนไม่พลุกพล่านเท่า
3. สเปน – วัฒนธรรมต่างและนักท่องเที่ยวล้นเมือง
แม้จะชื่นชอบเมืองที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวในแคว้นกาลิเซียอย่าง Vigo และ A Coruña แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับจังหวะชีวิตของคนสเปนได้ เช่น การพักช่วงบ่ายยาวนาน (siesta) และอาหารเย็นที่มักเสิร์ฟดึกเกินไปเมื่อเทียบกับความเคยชินของชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลจากกระแสต่อต้านนักท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลัง ทำให้เธอไม่คิดจะวางแผนเดินทางกลับในเร็ววัน
4. โมร็อกโก – ประสบการณ์หลากหลาย แต่บางช่วงทำให้ไม่สบายใจ
เธอไปเยือนโมร็อกโกในช่วงแลกเปลี่ยนเรียนต่างประเทศ และตั้งใจเปิดใจรับวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งการต่อรองราคาที่ตลาดมาราเกชและลองชิมอาหารใหม่ ๆ แต่กลับต้องพบกับประสบการณ์เชิงลบ เช่น การถูกแม่ค้าจับแขนแล้ววาดเฮนน่าโดยไม่ยินยอมก่อน แล้วเรียกเก็บเงินตามหลัง รวมถึงการถูกพยายามล้วงกระเป๋าจากชายแปลกหน้า เธอยอมรับว่าประสบการณ์นี้น่าผิดหวัง แต่ก็ยังมีความทรงจำดี ๆ อย่างการขี่อูฐกับสามีชมพระอาทิตย์ตกในทะเลทรายซาฮารา
5. ญี่ปุ่น – ปลอดภัยแต่ราคาแพงและแออัดเกินคาด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เธอยอมรับว่าปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางหญิง แต่การพักในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวกลับรู้สึกว่าไม่คุ้มราคา ห้องพักขนาดเล็กคล้ายหอพักนักศึกษาในราคาสูงถึงคืนละ 150 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,900 บาท) ทั้งที่ราคานี้ในประเทศไทยสามารถเข้าพักโรงแรมหรูได้
นอกจากนี้ ยังหาร้านอาหารที่นั่งทานแบบประหยัดได้ยาก ต้องพึ่งพาอาหารจานด่วนเป็นหลัก และรู้สึกอึดอัดกับความแออัดของผู้คนในเมือง เธอจึงสรุปว่า หากมีโอกาสกลับมาเอเชียอีกครั้ง จะเลือกประเทศไทยที่เธอมั่นใจว่าคุ้มค่ากว่าในทุกด้าน