
ยังทำงานทุกวัน! แพทย์ผู้มีอายุมากที่สุดในโลก วัย 102 เผย "ศัตรูตัวร้ายของอายุยืน"
แพทย์ผู้มีอายุมากที่สุดในโลก และยังคงประกอบวิชาชีพอยู่ แม้อยู่ในวัย 102 ปี เผย "ศัตรูตัวร้ายของอายุยืน"
คนส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นก็มักจะชะลอชีวิต ปล่อยมือจากงานเร่งรีบ หันมาใส่รองเท้าแตะ ดูทีวียามกลางวัน แต่ไม่ใช่ ดร.ฮาเวิร์ด ทักเกอร์
นักประสาทวิทยาจากคลีฟแลนด์ผู้นี้รักษาคนไข้มานานเกือบ 8 ทศวรรษ จนได้รับการบันทึกในกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดว่าเป็น "แพทย์ที่ยังทำงานอยู่ที่อายุมากที่สุดในโลก" ก่อนวันเกิดปีที่ 99 ของเขา
แม้ตอนนี้จะอายุ 102 ปี และถอดเสื้อกาวน์เก็บไปแล้ว แต่เขายังไม่คิดจะหยุดนิ่งเลยแม้แต่น้อย
ทุกวันนี้ ดร.ทักเกอร์ยังคงใช้เวลาบรรยายให้นักศึกษาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเสิร์ฟ และให้คำปรึกษาในคดีทางการแพทย์-กฎหมาย ด้วยความรู้จากปริญญาด้านกฎหมายที่เขาเพิ่งเรียนจบเมื่ออายุ 67 ปี
นอกจากนี้ เขายังกลายเป็นไวรัลบน TikTok จากการโปรโมตสารคดีชีวิตของเขาชื่อ What’s Next ซึ่งผลิตโดยหลานชายของเขาเอง
ไม่นานมานี้ ดร.ทักเกอร์ได้เปิดเผยเคล็ดลับของชีวิตที่ยืนยาว แข็งแรง และกระปรี้กระเปร่าแม้อายุเกินร้อยว่า
“การเกษียณนี่แหละ คือศัตรูตัวฉกาจของอายุยืน” ดร.ทักเกอร์กล่าวกับ Al Roker แห่งรายการ TODAY
“คุณต้องมีเป้าหมายบางอย่างในชีวิต ต้องตื่นขึ้นมาในแต่ละเช้าพร้อมกับความรู้ว่าคุณมีอะไรที่ต้องทำ” ดร.ทักเกอร์กล่าวเสริม
เขายังคงทำงานเป็นแพทย์จนถึงอายุ 100 ปี และเพิ่งหยุดเมื่อโรงพยาบาลที่เขาสังกัดปิดตัวลงในปี 2022
ดร.ทักเกอร์บอกกับ PEOPLE ว่า ถ้าโรงพยาบาลไม่ปิด เขาก็ยังคง “รักษาคนไข้แน่นอน” ทุกวันนี้เขายัง “ลองมองหางานใหม่อยู่บ้าง” แม้จะยอมรับแบบติดตลกว่า “ไม่มีใครอยากรับคนอายุขนาดผมหรอก”
“แต่ผมจะไม่หยุดพยายาม” เขากล่าว
ดร.ทักเกอร์ไม่มีความตั้งใจที่จะลดภาระงานในปัจจุบัน แต่สำหรับใครที่กำลังคิดจะเลิก เขามีคำแนะนำว่า
“ถ้าจะเกษียณ ก็ควรหาอะไรทำเป็นงานอดิเรก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมหรือความสนใจส่วนตัว” เขาบอกกับ TODAY “สมองต้องการการกระตุ้นทุกวัน”
งานวิจัยก็สนับสนุนความคิดนี้ พบว่าการมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ และทำกิจกรรมที่ต้องใช้การแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และความตั้งใจ ช่วยให้สมองเฉียบคมแม้ในวัยชรา
อายุขัยเฉลี่ยของคนอเมริกันในปี 2022 อยู่ที่ 77.5 ปี แต่ดร.ทักเกอร์ผ่านจุดนั้นมานานแล้ว
พ่อแม่ของเขาอยู่ได้ถึง 84 และ 96 ปี แต่เขาบอกว่าพันธุกรรมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
“พันธุกรรมและประวัติครอบครัวที่ยืนยาวเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องสนับสนุนด้วยการกินอย่างพอดี งดเหล้า และมีความสุข” เขาเขียนในเอกสารส่งให้กินเนสส์
สำหรับดร.ทักเกอร์ ความสุขมาจากงาน ภรรยาที่คบกันมากว่า 70 ปี ลูก 4 คน หลาน 10 คน และความรักในกีฬาของเมืองคลีฟแลนด์ตลอดชีวิต
งานวิจัยชี้ว่า ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมแน่นแฟ้นและมุมมองบวกในชีวิต มักมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่โดดเดี่ยวหรือเศร้าหมอง
ดร.ทักเกอร์ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวร่างกายตลอดชีวิต เขาเขียนลงใน CNBC ว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรม
แม้จะเลิกเล่นสกีหลังจากประสบอุบัติเหตุคอหักในวัย 80 ปลาย ๆ แต่เขายังคงเดินบนรองเท้าหิมะและวิ่งบนลู่วิ่งที่บ้านวันละไม่น้อยกว่า 3 ไมล์
ทักเกอร์เน้นว่า แม้แต่กิจวัตรเล็ก ๆ ก็สำคัญ เพราะงานวิจัยบอกว่าเดินวันละ 15 นาที สามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้เกือบ 25%
อาหารของเขาง่าย ๆ เริ่มวันด้วยผลไม้ตามฤดูกาล บางครั้งกินซีเรียล ราดด้วยนม 2% และดื่มชาร้อนแทนกาแฟ
เขามักข้ามมื้อกลางวันเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง มื้อเย็นมักเป็นปลากับผัก โดยเฉพาะบรอกโคลี พร้อมเนื้อสัตว์เป็นบางครั้ง
เขาและภรรยามักจบวันด้วยของหวาน บางทีเป็นผลไม้ บางครั้งเป็นไอศกรีม
ดร.ทักเกอร์แทบไม่ดื่มสุรา แต่ยอมดื่มค็อกเทลโปรดเป็นบางครั้ง
“ผมรักมาร์ตินี่ของผม” เขากล่าวกับ Medical Economics และไม่เคยแตะต้องบุหรี่เลย
เมื่ออายุ 103 ปีใกล้เข้ามาในเดือนกรกฎาคม ทักเกอร์ไม่ได้เสียเวลาคิดถึงความตาย
“ผมไม่เคยคิดเรื่องความตายเลย” เขาบอกกับ TODAY “การมีชีวิตอยู่ คือการรู้ว่าคุณต้องตาย เพราะชีวิตคือโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง ดังนั้นผมจึงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่”