
"หัวใจล้มเหลว" ยอดตายพุ่ง หมอเตือน 4 นิสัย ยากแค่ไหนก็ต้องเลิก ไม่ใช่แค่นั่งนาน-ดื่มน้ำเร็ว!
อัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเพิ่มสูง แพทย์เตือน 4 พฤติกรรมเสี่ยง จะยากแค่ไหนก็ต้องเลิก!!!
ในยุคปัจจุบัน จำนวนผู้เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แพทย์เตือนว่าโรคร้ายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างเงียบงัน โดยเฉพาะ 4 พฤติกรรมที่แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สามารถทำลายหัวใจได้ในระยะยาว หากไม่หยุด อาจไม่มีโอกาสฟื้นฟูหัวใจได้อีกเลย
1. รับประทานอาหารเค็มเกินไป
การกินเค็มไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องความดันโลหิตเท่านั้น แต่ยังทำให้ปริมาณโซเดียมในร่างกายสูงเกินไป ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ทำให้ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือด หากเป็นเช่นนี้ทุกวัน หัวใจก็จะเริ่มเสื่อมสภาพโดยไม่รู้ตัว
อาการเริ่มต้นอาจเป็นแค่บวมน้ำ เหนื่อยง่าย แต่เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม จะมีอาการหายใจลำบากตอนกลางคืน หรือสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะอึดอัด แน่นหน้าอก จนในที่สุดกลายเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ โดยเฉพาะในผู้ที่บริโภคเกลือเกิน 12 กรัมต่อวันโดยไม่รู้ตัว
2. ดื่มน้ำเร็วเกินไป
หลายคนเข้าใจผิดว่าการดื่มน้ำมากและเร็วเป็นสิ่งดี โดยเฉพาะหลังตื่นนอนหรือออกกำลังกาย แต่ในความเป็นจริง การดื่มน้ำเร็วเกินไปทำให้ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นในทันที หัวใจต้องเร่งการทำงานอย่างเฉียบพลัน อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในผู้ที่มีภาวะหัวใจอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว
โดยเฉพาะในตอนเช้า ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดน้ำเล็กน้อย หากดื่มน้ำมากอย่างรวดเร็ว จะเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดดำ ทำให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมปอดโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การดื่มน้ำ แต่คือ "จังหวะ" และ "ความเร็ว" ของการดื่มน้ำด้วย
3. นั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน
พฤติกรรมนั่งนาน ๆ กลายเป็นภัยเงียบของคนยุคใหม่ เพราะการนั่งนานทำให้ระบบไหลเวียนเลือดชะลอตัว เลือดคั่งในส่วนล่างของร่างกาย เลือดกลับเข้าสู่หัวใจน้อยลง หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาความสมดุล
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง ดื้อต่ออินซูลิน และไขมันไปสะสมในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งล้วนเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวแบบไม่รู้ตัว และหลายคนไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เพราะคิดว่าไม่มีอาการอะไรผิดปกติ
4. ความเครียดเรื้อรัง
ความเครียดไม่เพียงแค่ส่งผลต่อสภาพจิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อหัวใจอย่างรุนแรง เมื่อร่างกายตกอยู่ในภาวะเครียดเป็นเวลานาน ระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นการทำงานของหัวใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง และมีระดับฮอร์โมนความเครียดสูงขึ้น
หากเกิดบ่อยครั้ง จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง เซลล์หัวใจเสื่อมสภาพเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่ละเลยอาการเตือน เช่น อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก หรือใจสั่น เพราะเข้าใจว่าเป็นแค่ความเหนื่อยชั่วคราว จนพลาดช่วงเวลาสำคัญในการเข้ารับการรักษา
ย้ำอีกครั้งว่า หัวใจล้มเหลวไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย หากยังไม่ปรับเปลี่ยน อาจต้องเผชิญกับความสูญเสียที่หลีกเลี่ยงได้ แพทย์จึงขอเตือนให้ใส่ใจเรื่องเล็กๆ ที่ทำเป็นประจำ เพราะบางครั้งสิ่งเล็กน้อยอาจเป็นภัยร้ายที่คาดไม่ถึง ดังนั้น หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ดื่มน้ำอย่างช้าๆ ลุกเดินหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ และลดความเครียด เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างยั่งยืน
- สังเกตง่ายๆ แปรงฟันเห็นสิ่งนี้ หมอเตือน "มะเร็ง" มาเคาะประตู รู้ตัวไวอาจไม่เป็นหายนะ
- รู้ไว้ดีกว่า! เครื่องดื่มร้อน 2 เมนู อร่อยแถมช่วย "ต้าน" โรคมะเร็ง ชนิดที่คร่าชีวิตเยอะทุกปี