เนื้อหาในหมวด ข่าว

ไขปริศนา รอยด้านลึกลับ 4 จุด บนหมัดเหล็กของ \

ไขปริศนา รอยด้านลึกลับ 4 จุด บนหมัดเหล็กของ "บรูซ ลี" ที่เหมือนกับหัวหน้านิกายชิงเฉิง

ไขปริศนา 4 รอยด้านลึกลับ บนมือของ “บรูซ ลี” ที่คล้ายกับจอมยุทธ์แห่งสำนักชิงเฉิง

หลี่ เสี่ยวหลง (李小龙) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “บรูซ ลี” คือไอคอนระดับโลกแห่งวงการศิลปะการต่อสู้ ซึ่งนอกจากทักษะที่เหนือชั้นแล้ว ยังมีเรื่องราวแปลกประหลาดที่ทำให้หลายคนสงสัย หนึ่งในนั้นคือ 4 รอยด้านบริเวณหลังมือ ที่มีลักษณะเด่นชัดและคล้ายกับของ “ฮา เต้า จวิน” (Hà Đạo Quân) จอมยุทธ์แห่งสำนักชิงเฉิง (Thanh Thành)  ซึ่งเป็นสำนักศิลปะการต่อสู้และฝึกพลังลมปราณในประเทศเวียดนาม

จากข้อมูลในเว็บไซต์ Zhihu ภาพถ่ายรอยด้านบนหลังมือของ บรูซ ลี ส่วนใหญ่ถ่ายไว้เมื่อปี 1970 ขณะเขาเดินทางไปสาธารณรัฐโดมินิกัน โดยรอยเหล่านี้อยู่บริเวณข้อนิ้วด้านบน ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องรับแรงกระแทกมากที่สุดในการฝึกศิลปะการต่อสู้ เช่น หย่งชุน และจีตคุนโด ซึ่งเขาเป็นผู้คิดค้นด้วยตนเอง และแน่นอนว่ารอยด้านเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการฝึกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี เขาฝึกโดยใช้กระสอบทรายหนัก และแผ่นฝึกกำลังที่ภายในบรรจุทรายละเอียด เพื่อฝึกความแข็งแรงของกำปั้นและป้องกันอาการบาดเจ็บจากการชกใส่จุดกระดูกของคู่ต่อสู้

รอยด้านบนมือของ บรูซ ลี ไม่ได้สะท้อนแค่ความขยันฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงปรัชญาการต่อสู้ของเขา ที่เน้นประสิทธิภาพจริงในสถานการณ์จริง ไม่ยึดติดกับรูปแบบการต่อสู้ในเวที โดยเฉพาะในจีตคุนโดที่ให้ความสำคัญกับ “อาวุธแห่งร่างกาย” เช่น กำปั้น และนิ้วมือ เขายังเคยฝึกเทคนิค “แทงนิ้วลงทราย” เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ปลายนิ้ว โดยเฉพาะนิ้วชี้ที่เขาเปรียบเป็น “ดาบหนึ่งเล่ม”

สื่อจีนยืนยัน ไม่ใช่ Photoshop แต่เป็นร่องรอยของความพยายาม

แม้เคยมีข้อถกเถียงว่ารอยด้านบนมือของ บรูซ ลี โดยมีหลายเสียงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพียงการตกแต่งภาพ แต่ภายหลังมีการยืนยันผ่านทางสื่อประเทศจีน โดยเผยแพร่ภาพต้นฉบับ และเนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางของเขาที่โดมินิกัน ทำให้ข้อสงสัยเหล่านั้นยุติลง

สำนักข่าว Sohu รายงานว่า บรูซ ลี เชี่ยวชาญทักษะ “หมัดสั้น” และ “หมัดเหล็ก” ซึ่งต้องฝึกซ้ำๆ โดยเฉพาะในจุดยอดของกำปั้นที่รับแรงกระแทกมากที่สุด การฝึกแบบนี้หากทำต่อเนื่องปีแล้วปีเล่า ร่างกายจะเกิดการตอบสนองผ่านการสร้างเนื้อเยื่อแข็งขึ้นปกป้องผิวหนัง ขณะที่สำนักข่าว Sina เปรียบเทียบว่ารอยด้านบนมือของ บรูซ ลี มีลักษณะหนาและน่ากลัว คล้ายกับผู้ฝึก “หมัดเหล็ก” หรือ “ฝ่ามือเหล็ก” แบบโบราณ ที่มักมีเนื้อด้านหนาบริเวณหลังมือและฝ่ามือ บ่งบอกถึงความแข็งแรงของหมัดและความเร็วในการออกหมัดที่รุนแรงมาก

เทียบกับปรมาจารย์แห่งชิงเฉิง รอยด้านที่ "งอกจากกระดูก"

ด้าน “ฮา เต้า จวิน” ปรมาจารย์แห่งสำนักชิงเฉิงที่เกิดในปี 1963 ก็มีรอยด้านหนาบนมือและแม้กระทั่งบนศีรษะ เขาเปิดเผยผ่านรายการของ CCTV-4 ว่า รอยที่เห็นนั้นไม่ได้มาจากการชกถุงทรายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลจากการฝึกพลังลมปราณ ที่ผสานระหว่างพลังภายในและภายนอก ซึ่งทำให้รอยด้านที่เกิดขึ้นมีลักษณะเรียบ มันวาว คล้ายงอกจากกระดูกภายใน

ตามรายงานพบว่า ฮา เต้า จวิน เริ่มฝึกตั้งแต่ 5 ขวบ และเข้าร่วมสำนักชิงเฉิงเมื่ออายุ 17 ปี เขาฝึกวิชาหนัก เช่น ฟาดมือลงต้นไม้ ทุบหิน กลิ้งถังไม้ 200 ชั่ง และเหวี่ยงฆ้อนหิน 50 ชั่ง รวมถึงนอนบนเตียงหิน เพื่อเสริมสร้างความแกร่งให้ร่างกายอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบปี

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งบรูซ ลี และฮา เต้า จวิน แม้จะมาจากคนละยุคและสายวิชา แต่รอยด้านหนาบนมือของทั้งคู่คือ หลักฐานที่จับต้องได้ของความมุ่งมั่นและความทุ่มเท ที่มีต่อศิลปะการต่อสู้ และเป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่มีทางลัดใดๆ สำหรับคำว่า “ยอดฝีมือ”

กว่า 50 ปี แพทย์ไขปริศนา “บรูซ ลี” เสียชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ เชื่อต้นเหตุคือการ “ดื่มน้ำ”

กว่า 50 ปี แพทย์ไขปริศนา “บรูซ ลี” เสียชีวิตตั้งแต่หนุ่มๆ เชื่อต้นเหตุคือการ “ดื่มน้ำ”

จากวลีดัง "Be water, my friend" สู่การตายของราชานักบู๊ "บรูซ ลี" แพทย์เชื่อไขปริศนาได้แล้ว หลังผ่านมากว่า 50 ปี