เนื้อหาในหมวด ข่าว

เตือนแก้ว 4 แบบ เสี่ยงปล่อยโลหะหนัก \

เตือนแก้ว 4 แบบ เสี่ยงปล่อยโลหะหนัก "ทำลาย" ไตและสมองได้ง่ายๆ แต่ยังใช้กันทุกบ้าน!

แก้วน้ำ 4 ประเภท ที่ปล่อยโลหะหนัก ซึ่งอันตรายต่อไตและสมอง แต่คนส่วนใหญ่ยังใช้กันอยู่!

คุณเคยคิดไหมว่าการดื่มน้ำอาจก่อให้เกิดพิษได้? ปรากฏว่ามีแก้วบางประเภทที่อาจปล่อยโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว และแคดเมียมออกมาได้ ดังเช่นเมื่อไม่นานมานี้ นักชงชาจากไต้หวันชื่อ “Manzai Shuocha” ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย ระบุว่าแก้วบางชนิดอาจมีพิษ ทำให้ชาวเน็ตเกิดความสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำดื่ม และเกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับวัสดุและสีของแก้วที่ปลอดภัยยิ่งกว่า บางคนถึงกับโพสต์รูปแก้วของตนในคอมเมนต์และขอให้บล็อกเกอร์ช่วยตรวจสอบ

เตือน! แก้ว 4 ประเภทที่อาจก่อให้เกิดพิษ

1. แก้วเซรามิกเคลือบสี – ปล่อยโลหะหนักได้ง่าย

ลวดลายสีสันบนเซรามิกจะอยู่บนชั้นเคลือบ เมื่อสัมผัสกับความร้อนสูงหรือถูกเสียดสี เม็ดสีอาจหลุดออกมาผสมกับของเหลวในแก้วได้ องค์การอนามัยโลกชี้ว่า พิษจากตะกั่วอาจทำให้ความดันโลหิตสูง ระบบย่อยอาหารเสียหาย ไตเสื่อม และหากรุนแรงอาจลดระดับ IQ ของเด็กและส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาทส่วนกลาง

โดยคณะกรรมการผู้บริโภคของไต้หวันระบุว่า ในการผลิตภาชนะเซรามิกมักจะมีการเคลือบและตกแต่งลวดลายซึ่งใช้เม็ดสีที่อาจมีตะกั่วหรือแคดเมียม ถ้าใช้เคลือบคุณภาพต่ำหรือขั้นตอนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้โลหะหนักเหล่านี้ละลายออกมาสู่ของเหลว โดยเฉพาะของเหลวที่มีความเป็นกรดหรืออุณหภูมิสูงจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง เช่นเดียวกับสมาคมบรรจุภัณฑ์อาหารระหว่างประเทศของจีนเตือนว่า ยิ่งแก้วเคลือบสีสดใสเท่าไร ยิ่งเสี่ยงต่อการปล่อยโลหะหนัก และแนะนำให้หลีกเลี่ยงภาชนะที่มีลวดลายเคลือบแบบขรุขระ

2. แก้วพลาสติกประเภท PC – ปล่อยสารที่อาจกระทบต่อการเจริญพันธุ์

"Xiao Weilin" นักโภชนาการไต้หวัน กล่าวว่า ในกระบวนการผลิตพลาสติกมักเติมสารพลาสติกไซเซอร์และสารคงรูป ซึ่งอาจละลายออกมาเมื่อเจอความร้อนหรือกรด-ด่าง ดังนั้น หากซื้อแก้วพลาสติก ควรตรวจสอบรหัสวัสดุที่ก้นแก้ว

  • แก้วพลาสติกประเภท PP (Polypropylene) เป็นวัสดุที่ปลอดภัยที่สุดและทนความร้อนได้ดี

  • แต่แก้วพลาสติกประเภท PC (Polycarbonate) ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะสามารถปล่อยสาร Bisphenol A (BPA) ได้เมื่อเจอความร้อนหรือใช้ไปนานๆ อาจรบกวนระบบฮอร์โมน ทำให้การเจริญพันธุ์ลดลง และส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นควรเลือกแก้วที่มีฉลาก "BPA-Free"

3. แก้วเคลือบโลหะ – ถ้าเคลือบลอก อาจปล่อยสารอันตราย

เคลือบ Enamel คือชั้นแก้วเคลือบบนโลหะเพื่อป้องกันการกัดกร่อนและออกซิเดชัน การเก็บของเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว หรือเครื่องดื่มอัดลมไว้ในแก้วนี้นาน ๆ อาจทำให้โลหะหนักละลายออกมาได้ หากชั้นเคลือบชำรุดหรือหลุดออก จะเปิดเผยโลหะภายในให้สัมผัสกับของเหลวโดยตรง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่สารอันตรายจะละลายออกมา

4. ขอบโลหะของแก้วสีสด – เสี่ยงปล่อยตะกั่วและแคดเมียม

แก้วที่มีสีสดใสมักมีการย้อมสีด้วยเม็ดสีที่มีโลหะหนัก หน่วยงานด้านคุณภาพของจีนและแคลิฟอร์เนีย (สหรัฐฯ) แนะนำให้หลีกเลี่ยงแก้วที่มีสีฉูดฉาดหรือมีลวดลายที่สัมผัสกับอาหารโดยตรง เช่น ภายในแก้วหรือขอบปากแก้ว โดยเฉพาะแก้วที่มีขอบแต่งด้วยโลหะ เช่น ทอง อาจปล่อยโลหะหนักออกมาได้ง่าย เวลาดื่ม ปากจะสัมผัสกับขอบ ซึ่งเสี่ยงกลืนตะกั่วและแคดเมียมเข้าไปผ่านน้ำลาย