เนื้อหาในหมวด ข่าว

เคยเป็นไหม? เปิดแอร์ 26 องศา มีกลิ่นอับแปลกๆ แต่พอลดเป็น 25 องศา ทำไมไม่มีกลิ่น!

เคยเป็นไหม? เปิดแอร์ 26 องศา มีกลิ่นอับแปลกๆ แต่พอลดเป็น 25 องศา ทำไมไม่มีกลิ่น!

ผู้เชี่ยวชาญเผยสาเหตุที่แท้จริง ทำไมเปิดแอร์ที่ 26 องศา ถึงมีกลิ่นเหม็น แต่พอปรับเป็น 25 องศา กลับไม่มีกลิ่น? 

ในช่วงหน้าร้อน เครื่องปรับอากาศกลายเป็น “พระเอกขี่ม้าขาว” ของหลายครอบครัว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อากาศร้อนจัดต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผู้ใช้บางคนกลับพบปรากฏการณ์แปลกประหลาดว่า เมื่อเปิดแอร์ที่ 26 องศา จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น แต่พอลดลงเป็น 25 องศา หรืออุณหภูมิต่ำกว่านั้น กลิ่นกลับหายไป โดยผู้ใช้หลายรายบนโซเชียลมีเดียผู้ใช้หลายคนแชร์ว่า กลิ่นที่เกิดขึ้นนั้นคล้ายกับ “ถุงเท้าเก่าเหม็นอับ” ,  “กลิ่นถุงเท้าเก่าเน่าๆ” และทำไมถึงเกิดขึ้นเฉพาะที่อุณหภูมิ 26 องศา....?

จากการศึกษาของวิศวกรด้านเครื่องทำความเย็นในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน พบว่าเป็นเรื่องจริงที่เครื่องปรับอากาศอาจปล่อยกลิ่นออกมาที่อุณหภูมิบางระดับ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็น 26 องศาเสมอไป จากการทดลองเมื่อเปิดแอร์ที่ 16–23 องศา เป็นเวลา 30 นาที แล้วเปลี่ยนไปใช้โหมดพัดลมที่ 25–28 องศา เป็นเวลา 5–20 นาที หลายรุ่นจะเริ่มมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กลิ่นไม่เกิดในโหมดทำความร้อน หรือขณะเปลี่ยนโหมดอุณหภูมิแบบอื่น แล้วเกิดจากอะไร? ท้ายที่สุด นักวิจัยพบต้นตอคือ “สารเคลือบอลูมิเนียม” ซึ่งมักใช้ในแผงระบายความร้อนภายในเครื่องแอร์ โดยแผ่นอลูมิเนียมหนาประมาณ 0.1 มม. นี้ หลังจากผ่านการล้างและอบแห้ง จะถูกเคลือบด้วยสารกันสนิมและสารเคลือบชอบน้ำ ก่อนนำไปอบอีกครั้งให้แห้งสนิท

สารเคลือบที่ใช้มักเป็นอะคริลิกเรซิน (Acrylic Resin) ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว หากกระบวนการอบแห้งไม่สมบูรณ์ โมโนเมอร์บางส่วนอาจยังหลงเหลืออยู่ และเมื่อสัมผัสกับอากาศชื้น ก็จะปล่อยกลิ่นเปรี้ยวหรือเหม็นออกมา พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้ากระบวนการเคลือบดี แห้งสนิท กลิ่นจะไม่ออก แต่ถ้าอบไม่พอ สารเคลือบจะดูดความชื้นและปล่อยกลิ่น แม้ปัจจุบันกระบวนการผลิตจะพัฒนาแล้ว แต่อาจยังมีโอกาสที่เครื่องใหม่บางเครื่องมีกลิ่นจากสาเหตุนี้ได้ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ เครื่องปรับอากาศสกปรก

นายหยาง เสี่ยวปัง ผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในธุรกิจเครื่องปรับอากาศ เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องกลิ่นในแอร์ ส่วนใหญ่มาจากการไม่ทำความสะอาดเป็นเวลานาน โดยระหว่างทำความเย็น แอร์จะสร้างน้ำหยด (น้ำควบแน่น) หากไม่ระบายทัน น้ำจะขังในถาดและกลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งจะไปเกาะพัดลม แผงทำความเย็น และช่องลม ทำให้กลิ่นแรงขึ้นเรื่อยๆ

อุณหภูมิต่ำจะช่วยชะลอการเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้นเมื่อเปิดที่ 25 องศา หรือต่ำกว่า กลิ่นจะไม่ชัดเจน แต่เมื่อปรับเป็น 26 องศา ซึ่งแอร์จะเข้าสู่โหมด “พัดลมเปล่า” มากกว่าทำความเย็น กลิ่นสะสมก็จะถูกปล่อยออกมาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นสรุปคือ ไม่ใช่ว่า 26 องศา มีคำสาป แต่เพราะเป็นอุณหภูมิที่คนมักใช้กันมากที่สุด และเมื่อแอร์ไม่เย็นต่อเนื่อง กลิ่นจากคราบสกปรกจึงลอยออกมา

บริเวณกรองอากาศ ช่องลม แผงเย็น และถาดน้ำ ล้วนเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค บางเครื่องถึงขั้นขึ้นรา มีคราบดำ น้ำขังขุ่น หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ ปัญหาจะยิ่งสะสม จากการทดลองพบว่า ขนมปังไม่ใส่สารกันบูด เมื่อวางไว้หน้าแอร์ที่ไม่เคยล้าง จะขึ้นราภายใน 7 วัน ขณะที่อีกแผ่นที่วางไว้หน้าแอร์ที่สะอาด กลับไม่มีราเกิดขึ้น 

งานวิจัยจากวารสารเวชศาสตร์ป้องกันสมัยใหม่ยังเผยว่า ตัวอย่างเครื่องปรับอากาศที่ใช้งานมาหลายเดือน มีปริมาณเชื้อโรคและเชื้อราสูงเกินค่ามาตรฐานตั้งแต่ 1.5 เท่าไปจนถึงมากกว่า 2,800 เท่า จะเห็นได้ว่า แอร์สกปรก = แหล่งเพาะเชื้อในบ้าน แล้วควรทำอย่างไรเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นในแอร์?

  • ทำความสะอาดแอร์อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง

  • ให้ความสำคัญกับการล้างแผ่นกรอง, พัดลม, แผงเย็น และถาดน้ำ

  • ใช้โหมดลดความชื้น (Dry Mode) ในวันที่อากาศชื้น

  • หลีกเลี่ยงการตั้งแอร์ที่ 26 องศา เป็นเวลานาน หากพื้นที่ชื้นหรือยังไม่เคยล้างแอร์

ปัญหากลิ่นเหม็นจากเครื่องปรับอากาศไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตั้งอุณหภูมิที่ 26 องศาเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ความชื้นในอากาศ กระบวนการผลิตของวัสดุภายในเครื่อง รวมถึงการละเลยการทำความสะอาด

ทางที่ดีที่สุดคือ หมั่นดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และหากพบปัญหากลิ่นที่ยังคงอยู่ แม้ทำความสะอาดแล้ว ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะ “อากาศดี เริ่มต้นที่แอร์สะอาด” การใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ อย่างการดูแลแอร์ อาจช่วยให้บ้านของคุณสดชื่นขึ้น และสุขภาพของทุกคนในครอบครัวดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึง