.jpg)
"ตังตัง นัฐรุจี" แชร์ป่วยสโตรกวัยเลข 3 พูดไม่ได้ เผยจุดเริ่มต้นอาการ หมอเตือนแค่ไอเจ็บคออย่าปล่อย
ตังตัง นัฐรุจี พิธีกรสาวคนเก่งแชร์เรื่องราวอาการป่วยเป็นสโตรกในวัยเลข 3 หมอเผยจุดเริ่มต้นแต่ไอและเจ็บคออย่าปล่อย
พิธีกรสาวคนเก่ง ตังตัง นัฐรุจี ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์อาการป่วยของตนเองเป็นสโตรกในวัยเลข 3 โดยเธอได้อัดคลิปบอกเล่าเรื่องราวพร้อมกับเขียนข้อความไว้ว่า "บันทึกประสบการณ์ชีวิต, ปอดติดเชื้อแบคทีเรีย น้ำท่วมปอด, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
,สโตรค เส้นเลือดตืบในสมอง, พูดไม่ได้ 1 สัปดาห์"
ซึ่ง ตังตัง ได้อัดคลิปบอกเล่าว่าเธอกลับมาหายเป็นปกติแล้ว กลับมาพูดได้เหมือนเดิม และยังต้องทานยาตามคุณหมอสั่งและฉีดยาละลายลิ่มเลือดทุกวัน
"ถ้าพูดถึงสโตรกเราจะนึกถึงคนอายุเยอะๆ แต่ตังตังเป็นสโตกอินเดอะยัง แรกเริ่มคือปอดของตังตังติดเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้ปอดข้างซ้ายมีน้ำและเกิดอาการอักเสบ ค่าอักเสบของร่างกายคนทั่วไปอยู่ที่ 5.5 แต่ของตังตังสูงถึง 213 ลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจที่อักเสบตามไปด้วย ตังตังมีหัวใจที่ค่อยๆ โตขึ้น เพราะมันเป็นความอักเสบที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติไม่เกิน 15 แต่ตังตัง 51553 ยังไม่ได้ข้อสรุปสักเท่าไหร่ว่าทำไมถึงมีลิ่มเลือด"
"หลังจากทำ MRI ทีซีสแกน อัลตร้าซาวด์หัวใจทุกอย่างเยอะมากในรอบสองอาทิตย์นอนโรงพยาบาล สโตรกส่วนที่ตังตังโดนส่วนที่ควบคุมการกำเนิดคำการพูดการออกคำ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกตัวว่าคุยโทรศัพท์อยู่ดีๆ แต่ไม่สามารถพูดคำที่คิดได้ พูดไม่รู้เรื่องเลยหลังจากนั้นได้ไปถามเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนบอกว่าพูดไม่รู้เรื่อง"
"คุณหมอสั่งทำทีซีสแกนสมองทันที ตอนนั้นเส้นเลือดฝอยในสมองทำงานไม่เชื่อมต่อกันทำให้การสื่อสารไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ เป็นลิ่มเลือดอุดตันบริเวณสั่งการคำพูดและไม่สามารถพูดเป็นคำได้ แต่ปาฏิหาริย์หรือหรือสิ่งใดใดๆ ก็ตามมันยังโชคดีที่อุดตันมันเป็นส่วนปลาย ถ้ามันเป็นอุดตันแต่ต้นอาจจะอ่อนแรงปากเบี้ยวหน้าเบี้ยวหมดแรงไปครึ่งซีกหรือพูดไม่ได้เลย
"ถึงวันนี้ยังมียาที่คุณหมอให้มาที่ต้องกินทุกวัน มียาฉีดเป็นยาป้องกันลิ่มเลือด ตอนนี้หมอก็ยังให้ฉีดไปก่อนต้องฉีดตัวเองทุกวันวันละเข็ม"
ทางด้าน เพจหมอเจด นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการสโตรกของคนในวัยเลข 3 ไว้ว่า
"ตังตัง นัฐรุจี" สโตรกในคนอายุน้อยช่วงนี้หลายคนน่าจะเห็นข่าว “น้องตังตัง” นักแสดงสาวที่อยู่ๆ ก็เป็นสโตรกตอนอายุแค่สามสิบต้นๆ ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ เพราะเวลาเรานึกถึง “สโตรก” หรือ “เส้นเลือดในสมองตีบ” ส่วนใหญ่มักนึกถึงคนอายุ 60–70 ขึ้นไปแต่เคสนี้ไม่ใช่เลยครับ เพราะจุดเริ่มต้นของเธอ มันเป็นแค่ ไอ เจ็บคอ แบบที่เราทุกคนก็เป็นกันเป็นประจำด้วยซ้ำ
วันนี้ผมอยากชวนค่อยๆ ไล่เรียงจากปลายทาง (ที่น้องตังตังพูดไม่ได้เพราะสโตรก) ย้อนกลับไปดูว่า "เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย" แล้วจะได้เข้าใจว่า เรื่องพวกนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมากครับ
1. เริ่มจากไอ จบที่สโตรกจากที่น้องตังตังเล่าเอง เธอเริ่มจาก “ไอ เจ็บคอ” แล้วกลายเป็น “ปอดอักเสบ”จากนั้นเชื้ออักเสบก็ลามไปที่ “กล้ามเนื้อหัวใจ”และสุดท้าย วันหนึ่งตื่นมาแล้ว “พูดไม่ได้” ตรวจพบว่า “เป็นสโตรก”ฟังดูเร็วมากใช่ไหมครับ? ใช่ครับ มันเร็วจริงและมันเป็นภาพที่ชัดเจนเลยว่า “อาการเล็ก ๆ” ถ้าไม่รีบรักษาให้ถูกทาง อาจลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่กี่วันเพราะการติดเชื้อในร่างกาย ถ้ารุนแรงหรือควบคุมไม่ดีมันอาจทำให้ร่างกายสร้าง “ลิ่มเลือด” ซึ่งเจ้าลิ่มเลือดนี้แหละคือ สาเหตุของเรื่องนี้
2. สโตรกวัยรุ่น วัยทำงาน ไม่ใช่เรื่องแปลกโรคสโตรก (Stroke) จริง ๆ มี 2 แบบใหญ่ ๆ นะครับคือ เส้นเลือดตีบ กับ เส้นเลือดแตกแต่ในคนอายุน้อย มักจะเจอแบบ “ตีบ” มากกว่าตีบแบบไหน? ก็จะมี 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ 1. Embolic stroke – อยู่ดี ๆ ลิ่มเลือดจากที่อื่นในร่างกาย ล่องลอยมาอุดเส้นเลือดในสมองแบบเฉียบพลัน 2. Thrombotic stroke – เส้นเลือดค่อย ๆ ตีบจากพวกไขมันสะสม เช่น คนที่มีเบาหวาน ความดัน ไขมันสูงในเคสน้องตังตัง ถ้าดูจากที่ต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด และไม่ได้มีโรคประจำตัวเดิมที่บ่งชี้ว่าเส้นเลือดตีบสะสมน่าจะเป็นแบบ Embolic ครับพูดง่าย ๆ ก็คือ ลิ่มเลือดน่าจะล่องมาจาก “หัวใจ” แล้วไปอุดสมอง
3. หัวใจติดเชื้อ ลิ้นหัวใจอักเสบ = ลิ่มเลือดเกิดง่ายคราวนี้มาดูว่าทำไมลิ่มเลือดถึงมาจากหัวใจ?หนึ่งในสาเหตุที่พบได้คือ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเชื้อจากที่อื่นในร่างกาย เช่น ปอด หรือช่องปาก ลามเข้ากระแสเลือด แล้วมาติดอยู่ตรงลิ้นหัวใจทำให้เกิดการอักเสบตรงนั้น และพอหัวใจเต้นแรง ๆ ลิ่มเลือดที่ก่อตัวตรงลิ้นหัวใจก็ถูกปั่นแล้วพุ่งขึ้นไป “อุดเส้นเลือดในสมอง”พอนึกภาพออกไหมครับ? หัวใจเราปั๊มเลือดตลอดเวลา แล้วอยู่ดี ๆ มัน “ส่งลิ่มเลือด” ขึ้นสมองแค่นี้เองครับ ก็เกิดสโตรกได้แล้วในเคสนี้อาจเริ่มจากเชื้อในปอด แล้วลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือถึงลิ้นหัวใจซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสสร้างลิ่มเลือดได้ง่ายมาก
4. ฟันก็เกี่ยว สิ่งที่หลายคนไม่เคยคิดเลย คือ “ปัญหาสุขภาพช่องปาก”เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผลในปากปัญหาเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียหลุดเข้ากระแสเลือดได้ง่ายโดยเฉพาะแบคทีเรียกลุ่ม Streptococcus ซึ่งถ้าเข้าไปถึงหัวใจ ก็จะไปอักเสบที่ “ลิ้นหัวใจ” ได้หลายคนคิดว่า "เหงือกบวม ฟันผุ มันไม่เกี่ยวกับหัวใจหรอก"แต่จริง ๆ แล้ว มันเกี่ยวกันแบบตรง ๆ เลยครับเพราะฉะนั้น ดูแลช่องปากให้ดี แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน •หมั่นตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน • ถ้ามีเหงือกอักเสบหรือฟันผุเรื้อรัง รีบรักษาให้จบรวมถึง ถ้ามีแผลตามตัว หรือ “เจ็บคอ” แบบมีไข้ ไอมาก เสียงเปลี่ยนแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน อย่าซื้อยากินเองอย่างเดียวครับไปหาหมอ ตรวจให้ชัด ว่าใช่เชื้อรุนแรงหรือไม่
5. สโตรกป้องกันได้ ถ้าเข้าใจต้นทางฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆคือ “มันป้องกันได้ครับ”หลายเคสของสโตรกในคนอายุน้อย มาจากเหตุที่เราคาดไม่ถึง เช่น •การติดเชื้อรุนแรงที่ปล่อยไว้ •หัวใจเต้นผิดจังหวะ •ปัญหาในช่องปาก •หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดโดยไม่รู้ความเสี่ยง เช่น ยาคุมบางชนิดในผู้หญิงสิ่งที่เราทำได้คือใส่ใจสุขภาพพื้นฐานไม่ปล่อยให้การติดเชื้อเรื้อรังหมั่นตรวจฟัน ตรวจร่างกายประจำปีถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นภูมิแพ้ตัวเอง, เคยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรแจ้งหมอทุกครั้งที่ตรวจสรุปสุดท้ายเรื่องของน้องตังตังเป็นอุทาหรณ์ที่ดีมากเพราะมัน “เรื่องธรรมดา” ที่หลายคนมองข้ามผมเชื่อว่าเธอโชคดีมากที่ได้รับการรักษาไว และค่อย ๆ ฟื้นตัวและหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะรู้ว่าสโตรกไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงอายุและมันไม่ได้มาแบบให้เวลารู้ตัวนานเสมอไปสิ่งที่อยากฝากไว้ • ถ้าไม่สบาย แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ไปหาหมอ •ใครที่มีเรื่องอ้วน หรือมีโรคประจำตัว อันนี้ต้องรีบดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ปรับการกิน • รักษาความสะอาดในช่องปากเสมอฝากทุกคนดูแลตัวเองด้วยนะ ใครมีคำถามคอมเมนตืได้เลยครับ