นักแสดงสาวชื่อดัง ปวดท้องรุนแรงกลางกองถ่าย ผ่านไป 3 เดือน ต้องตัดอวัยวะทิ้ง
ดาราสาวชื่อดัง ปวดท้องรุนแรงกลางกองถ่าย ผ่านไป 3 เดือน ต้องตัดอวัยวะทิ้ง เผยไลฟ์สไตล์การกินที่ทำร้ายตัวเอง
นักแสดงหญิงชื่อดังวัย 36 ปี “หยิ่งเอ๋อร์” หรือชื่อจริง หลิวอิ่ง (Liu Ying/刘颖) ได้โพสต์วิดีโอระบุว่า “ฉันพร้อมแล้วที่จะบอกลาถุงน้ำดี ที่อยู่กับฉันมากว่า 30 ปี”
หยิ่งเอ๋อร์ เป็นนักแสดงที่โดดเด่นทั้งในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงรุ่นหลังยุค 80 ที่น่าจับตามองในวงการบันเทิงจีน ปัจจุบันมีผู้ติดตามบัญชี Weibo ของเธอมากถึง 10.1 ล้านบัญชี
เธอเล่าว่า ตนเองมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เป็นระเบียบเนื่องจากงานที่ยุ่ง และยังชอบทานอาหารเผ็ด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอรู้สึกไม่สบายและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งต่อมาความเจ็บปวดนั้นก็เกิดขึ้นบ่อยขึ้น
เธอเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล และพบว่าตนเองเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ตอนแรกเธอเลือกใช้วิธีรักษาด้วยแพทย์แผนจีน พร้อมควบคุมอาหารอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่ได้ผล อาการรุนแรงจนเธอไม่สามารถนั่งได้นาน เมื่อกลับไปตรวจอีกครั้ง แพทย์แจ้งว่านิ่วมีขนาดใหญ่ขึ้น และ "ถุงน้ำดีแทบไม่ทำงานแล้ว" จึงตัดสินใจผ่าตัดนำถุงน้ำดีออกในที่สุด
นิ่วในถุงน้ำดี : ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์
ถุงน้ำดีทำหน้าที่เก็บน้ำดีจากตับและปล่อยน้ำดีลงลำไส้เล็กเมื่อเรากินอาหาร เพื่อช่วยย่อยไขมัน หากเกิดการอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณชายโครงขวา หรือท้องส่วนบนอย่างรุนแรง
แม้โรคนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่ใช่โรคทางพันธุกรรม แต่มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินและวิถีชีวิต เช่น การบริโภคไขมันสูง ฮอร์โมนเอสโตรเจน ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงขึ้นและตกผลึกกลายเป็นนิ่ว
เมื่อเกิดนิ่วแล้ว มักไม่สามารถรักษาให้ละลายได้ด้วยยา และการสลายนิ่วก็ไม่ได้ผลดีนัก มีทางเลือกหลักสองทางคือการผ่าตัดผ่านกล้องหรือการผ่าตัดแบบเปิด แต่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ หรือเสี่ยงเป็นมะเร็งได้
วิธีรักษาและข้อควรระวังหลังผ่าตัด
แนวทางการรักษาที่ได้ผลที่สุดคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ซึ่งภายหลังผ่าตัด น้ำดีจะถูกปล่อยลงลำไส้โดยตรง ทำให้ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวเร็วขึ้น เกิดอาการท้องเสีย โดยเฉพาะเมื่อทานอาหารมัน ๆ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังผ่าตัด
วิธีป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีอย่างมีประสิทธิภาพ
รับประทานอาหารเป็นเวลาและสมดุล
-
ทานอาหาร 3 มื้ออย่างสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการหลั่งและระบายของน้ำดี
-
ดื่มน้ำมาก และปัสสาวะบ่อย เพื่อป้องกันการตกผลึกของเกลือแคลเซียม
ออกกำลังกายเป็นประจำ
-
ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด กระตุ้นการทำงานของลำไส้และการบีบตัวของถุงน้ำดี
รักษาสุขอนามัย
-
ล้างมือบ่อย ๆ และแยกเขียง/มีดสำหรับอาหารดิบกับอาหารสุก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและพยาธิ
มีทัศนคติเชิงบวก
-
การมีจิตใจแจ่มใสและอารมณ์ดีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน